“เชียงราย” พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย ยอดสะสมรวม 3 ราย

วันนนี้ 24 มี.ค. 63 นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงข่าว ณ ศาลากลาง จ.เชียงราย เรื่องสถานการณ์โรคติดต่อไวรัสโควิด-19 ว่าปัจจุบัน จ.เชียงราย ได้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 2 รายรวมเป็นจำนวน 3 รายแล้ว โดยรายรายแรกเป็นชายอายุ 35 ปี ขณะที่รายที่ 2 พบเป็นหญิงอายุ 58 ปี โดยเป็นมารดาของภรรรยาของรายแรก ส่วนผู้ติดเชื้อรายล่าสุดเป็นชายอายุ 33 ปี ชาวพื้นที่ อ.แม่จัน ซึ่งพึ่งเดินทางกลับจากย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ ไปถึง จ.เชียงราย แล้วป่วยวันที่ 22 มี.ค.ก่อนไปพบแพทย์ทันทีและพบว่าติดเชื้อดังกล่าว เมื่อรวมทุกรายแล้วพบมีผู้ที่ใกล้ชิดและมีความเสี่ยงเข้าเณฑ์เฝ้าระวังจำนวน 94 ราย

นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า กรณีพบผู้ป่วยดังกล่าวทำให้ทางคณะทำงานจะมีการประชุมเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อที่มี นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานว่าจะดำเนินมาตรการสูงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่อย่างไรต่อไปซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะร่วมมือมากน้อยเพียงใด

โดยเฉพาะกรณีกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ โดยที่ผ่านมาได้ใช้มาตรการปิดด่านพรมแดนจนหลือเพียง 2 จุดที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ เพื่อการขนส่งสินค้ากระนั้นมีผู้ที่ตกค้างอยู่จึงผ่อนผันให้ผู้ตกค้างกลับไปได้จนถึงวันที่ 25 มี.ค.นี้ ล่าสุดพบมีแรงงานเมียนมาตกค้างได้รับการผ่อนผันกลับไปแล้ว 209 ราย และ สปป.ลาว 34 คน ส่วนคนไทยมีตกค้างแล้วกลับมาแล้ว 15 คน

ด้าน นายทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยรายแรกของ จ.เชียงราย มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ที่มีความเสียงจำนวน 10 คน แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบเชื้อ 9 คน แต่พบเชื้อ 1 คน ในกรณีพบผู้ป่วยรายที่ 2 ดังกล่าวปัจจุบันทั้งคู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และทำให้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนไปถึงผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายที่ 2 เพิ่มเติมอีกปรากฎว่ามีจำนวน 14 รายโดยเฉพาะเคยไปร่วมงานทำบุญบ้านใหม่วันที่ 19 มี.ค. ปัจจุบันจึงให้ทั้งหมดกักตัวดูอาการเป็นเวลา 14 วันแล้ว

ส่วนผู้ป่วยรายที่ 3 นั้นมีประวัติทำงานที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ เดินทางกลับ จ.เชียงราย ด้วยรถทัวร์โดยสารเมื่อวันที่ 21 มี.ค.และมาถึงเช้าวันที่ 22 มี.ค.แล้วมีอาการป่วยเป็นไข้จึงไปรักษาทันทีที่โรงพยาบาลแม่จัน แล้วพบเชื้อปัจจุบันจึงถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเส้นทางเดินทางพบว่าบนรถทัวร์น่าจะมีคนเดินทางมาด้วยร่วม 30-40 คน จึงอยู่ระหว่างหาตัวและประกาศผ่านเวปไซต์กรมควบคุมโรคเพื่อให้ไปกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านและกักตัว 14 วันแล้ว

ด้าน นายไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยรายที่ 1 และ 2 ไม่มีไข้และไม่มีอาการไอแต่อย่างใด ซึ่งแนวทางรักษาใช้มาตรฐานกลางคือรักษตามอาการอีก 2-7 วัน หากไม่มีไข้ใน 48 ชั่วโมง หายใจไม่เกิน 20 ครั้งต่อนาที อ๊อกซิเจนในเลือดเกิน 94% ในอากาศปกติ ก็จะพิจารณาให้กลับไปกักตัวที่บ้านนาน 14 วันและให้ใส่หน้ากากอนามัยต่อไปอีก 1 เดือนต่อไป

ส่วนกรณีผู้ป่วยที่ อ.แม่จัน พบว่ามีไข้และปอดอักเสบ ทั้ง 2 ข้างแต่หลังเข้ารับการรักษาพบว่าอาการหายใจดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้วจึงขอให้ประชาชนที่รู้ตัวว่ามีความเสี่ยงได้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วยเพราะตัวเลขผู้ป่วยจะเพิ่มมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของประชาชนโดยตรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันด้านบรรยากาศที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่ามีแรงงานชาวเมียนมาที่ตกค้างเดินทางกลับไม่ทันได้รับการผ่อนผันส่งตัวกลับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ในช่วงเช้า 92 คน โดยเป็นชาย 83 คนและหญิง 9 คน และจากการตรวจด้วยเครื่องวัดไข้พบว่ามีผู้มีอุณหภูมิสูงกว่า 37.8 องศาเซลเซียส จำนวน 11 คน ซึ่งภายหลังส่งตัวกลับไปแล้วเจ้าหน้าที่เมียนมาได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลท่าขี้เหล็กและมีการถูกกักตัวเวลา 14 วันเช่นเดียวกัน