ตลาดไม้ยางจีนเริ่มฟื้น โรงงานโอดแบงก์ไม่ปล่อยกู้เก็บสต๊อก

Photo by TENGKU BAHAR/AFP

ตลาดไม้ยางพาราในจีนเริ่มฟื้น ผู้ประกอบการร้องแบงก์เข้ม โอดรัฐหาซอฟต์โลนซื้อไม้ยางเก็บสต๊อก

นายนิกร ลิขิตหวังพาณิชย์ นายกสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพาราในจีนได้เริ่มเดินเครื่องทำงานแล้วประมาณ 70% ทำให้ตลาดไม้ยางพาราจีนเริ่มเคลื่อนไหว แต่ผู้ประกอบการไม่มีเงินทุนหมุนเวียนในการสต๊อกไม้ยางพารา ซึ่งต้องใช้เงินหลายพันล้านบาท เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ให้สินเชื่อในวงเงินจำกัด ตรงกันข้ามกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ให้สถาบันการเงินมีการยืดหยุ่นผ่อนปรนสนับสนุนช่วยเหลือ ท้้งนี้รัฐบาลเองควรมีนโยบายหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการธุรกิจไม้ยางพาราในขณะนี้อย่างเร่งด่วน

เมื่อไม้ยางพาราแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ไม่สามารถส่งออกได้ตามปกติจึงต้องเก็บสต๊อกไว้ และต้องเก็บสต๊อกไม้ยางพาราที่ซื้อมาจากชาวสวนยางพารา จึงเป็นภาระต่อเงินทุนหมุนเวียนที่จะเข้ามาสนับสนุน จึงส่งผลต่อตลาดไม้ยางพาราภายในประเทศที่ผู้ประกอบการจะต้องรับซื้อไม้ยางพาราจากเจ้าของสวนยางพารา ตามนโยบายของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่มีเป้าหมายโค่นยางพาราประมาณ 400,000 ไร่/ปี มูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท/ปี โดยเฉลี่ยราคาอยู่ที่ 40,000 บาท/ไร่ แต่ปัจจุบันสามารถรับซื้อไม้ยางพารา และโค่นได้ประมาณ 200,000 ไร่ เป็นมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท/ปี และที่ไม่สามารถโค่นได้เพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนที่จะรับซื้ออีกประมาณ 200,000 ไร่ มูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท

“เมื่อไม่มีเงินทุนหมุนเวียนก็จะส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ตั้งแต่เจ้าของสวนยางพารา คนงาน ครอบครัว และเศรษฐกิจโดยภาพรวม”

นายนิกรกล่าวต่อไปว่า ภาพรวมไม้ยางพาราขณะนี้ราคาประมาณ 40,000 บาท/ไร่ เป็นไม้เกรด หรือประมาณ 1.40 บาท/กก. โดยปัจจุบันภาพการตลาดเหลือมูลค่าอยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท/ปีลดลงจากเดิมจาก 60,000-70.000 บาท/ไร่ และไม้ฟืนประมาณ 00.80 บาท/กก. เดิมจากราคา 1 บาท/กก. โดยไม้ยางพารามูลค่าเดิมประมาณ 40,000 ล้านบาท เมื่อปี 2559-2560 หลังจากนั้นราคาก็ทยอยลดลง เพราะธุรกิจไม้ยางพาราเจอกดดัน 3 วิกฤตขนาดใหญ่ ตั้งแต่เรื่องสภาวะแวดล้อมในประเทศจีน มีการปิดปรับปรุงโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา ถัดมาเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ตามมาด้วยวิกฤตไวรัสโควิด-19

อีกประเด็นอุตสาหกรรมไม้ยางพารามีนักลงทุนจีนเข้าร่วมทุนกินหัวกินหาง จนส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไม้ยางพาราไทย ไม่ต่างกับธุรกิจอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราส่งออกระดับโลกของไทย โดยจีนเข้ามาร่วมทุนหลายบริษัทด้วยกัน จึงอยากให้รัฐบาลมองตรงนี้ด้วยอย่างจริงจัง ไม้ยางพารายังมีทิศทางที่ดี เพราะราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับไม้ทั้งโลก โดยภาพรวมธุรกิจไม้ยางพารา และไม้ยางพาราที่นำไปแปรรูปเฟอร์นิเจอร์ ปาร์ติเกิลบอร์ด ฯลฯ จะมีมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท/ปี

นอกจากนี้ ธุรกิจไม้ยางพาราภายในประเทศยังมีปัญหาเรื่องการปิดด่าน แม้การส่งออกจะยังขนส่งได้ตามปกติ แต่มีปัญหาล่าช้าที่ด่านศุลกากรสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา รอยต่อรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ยังต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 1 วัน ส่วนที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รอยต่อรัฐปะลิส มาเลเซีย ส่งออกได้เฉพาะยางพารา ส่วนไม้ยางพารายังไม่สามารถส่งออกได้ ส่วนที่ด่านศุลกากรท่าเรือน้ำลึก อ.เมือง จ.สงขลา ยังส่งออกได้แต่ไม่เต็มศักยภาพ เนื่องจากท่าเรือน้ำลึกมีปัญหาตื้น