ทุนใหม่เชียงใหม่ “ศิริปันนา” ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ ต่อยอดโรงแรมหรูสู่ธุรกิจค้าปลีก

“ศิริปันนา” โรงแรมและรีสอร์ตหรู 5 ดาวกลางเมืองเชียงใหม่ มีก้าวการเติบโตตลอดระยะ 7 ปีที่น่าจับตายิ่ง ในฐานะกลุ่มทุนใหม่ ด้วยมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1,000 ล้านบาท ตอบโจทย์ตลาด “ลักเซอรี่” ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม “นิชมาร์เก็ต” (Niche Market) ได้อย่างอยู่หมัด

หลายปีก่อน “เครือศิริปันนา” แตกไลน์สู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สตาร์ตด้วยโครงการแนวสูง ปั้นคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “พาราโน่ คอนโด แอท เชียงใหม่” และ “แกรนด์ พาราโน่” กลางปีที่ผ่านมาเปิดเกมรุกแนวราบกับโครงการ “เอกลักษณ์ สันทราย” บ้านเดี่ยวหรูราคา 9-30 ล้านบาท

ล่าสุดขยับสู่สนามธุรกิจค้าปลีก ซื้อแฟรนไชส์ “มินิบิ๊กซี” ปักหมุดเปิดร้านริมถนนสายดอนจั่น-สันกำแพง และภายในปีนี้คาดว่าจะเปิดมินิบิ๊กซีเพิ่มอีก 1 สาขา ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ กลุ่มทุนใหม่ของเชียงใหม่

“ศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์” เจ้าของและกรรมการผู้จัดการโรงแรมศิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” เกี่ยวกับทิศทางการเติบโตของเครือศิริปันนา

ศุภมิตรบอกว่า โรงแรมศิริปันนาเป็นสิ่งที่ทำแล้วรัก-ผูกพัน เกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มซื้อที่ดิน 13 ไร่กลางเมืองเชียงใหม่ ด้วยการวางจุดขายที่แตกต่างคือ เป็นรีสอร์ตกลางเมืองล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพรรณมากกว่า 20,000 ต้น ปัจจุบันมีจำนวนห้องพัก 104 ห้อง ทุกรายละเอียดของโรงแรมสะท้อนอารยธรรมล้านนา ท่ามกลางธรรมชาติและงานศิลปะ ซึ่ง 7 ปี ถือว่าตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์แนวนี้

ทว่า การพัฒนาของศิริปันนาไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ปรับให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา โดยปี 2560 เป็นปีที่จะโฟกัสการพัฒนาศิริปันนาในหลาย ๆ ส่วน ลงทุนปรับปรุง-รีโนเวตให้สวยงามมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรม อาหาร เครื่องดื่ม ห้องอาหารที่จะเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม

4C หัวใจของศิริปันนา

ศุภมิตรใช้สูตร 4C ในการบริหารโรงแรมศิริปันนามาตลอด 7 ปี คือ Care-Clean-Creative-Close ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการโรงแรมต้องการเพียงแค่นี้ และ Key Word ของลูกค้าอยู่ที่ Value for Money คือต้องคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย การดัมพ์ราคาไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่ต้องตอบโจทย์ความคุ้มค่าให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด ขณะที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโรงแรมไม่ได้เน้นหนักเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะเป็นลักษณะกระจายทั้งคนไทย จีน และนานาชาติ เพราะการยึดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถือเป็นความเสี่ยง

“ผลประกอบการดีขึ้นทุกปี ทิศทางของศิริปันนา ผมอยากทำวันนี้ให้ดีที่สุด และอนาคตก็อยากให้เติบโตขึ้นต่อไป ขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาสและเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้เราก้าวต่อไปในลักษณะไหน ถ้าเราอยู่กับที่ก็คือการถดถอย”

ปั้นคอนโดฯ-บ้านหรูพันล้าน

ศุภมิตรกล่าวว่า ราวปี 2556 เครือศิริปันนาได้เริ่มมาจับตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัท เอกภูมิทรัพย์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยสนใจในธุรกิจนี้ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ด้วยที่ดินที่ซื้อมาอยู่ในทำเลที่ดีมาก ติดถนนสายดอนจั่น-สันกำแพง (สันกำแพงสายใหม่) ตรงข้ามกับห้างพรอมเมนาดา การคมนาคมสะดวกและอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก จึงเริ่มต้นด้วยโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) โครงการแรกคือ “พาราโน่ คอนโด แอท เชียงใหม่” ความสูงของอาคาร 8 ชั้น จำนวน 185 ยูนิต งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาท โดยลูกค้าโอนและเข้าอยู่แล้วราว 95% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่อาศัยจริงทั้งคนไทยและต่างชาติ

ขณะที่คอนโดมิเนียมอีกโครงการที่อยู่ในบริเวณใกล้กันคือ “แกรนด์ พาราโน่” มูลค่าการลงทุนกว่า 160 ล้านบาท เน้นทำตลาดลักเซอรี่ (Luxury) เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง อาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 50 ยูนิตเท่านั้น มีที่จอดรถ 1 ห้องต่อ 1 คัน ซึ่งโครงการปิดการขายได้แล้วทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพตลาดคอนโดมิเนียมปัจจุบันของจังหวัดเชียงใหม่ที่อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ทางกลุ่มจึงมุ่งมาที่โครงการแนวราบ โดยกลางปี 2559 เปิดตัวโครงการแรกคือ “เอกลักษณ์ สันทราย” ดำเนินงานภายใต้บริษัท มิตร เอสเตทส์ จำกัด โครงการตั้งอยู่บนที่ดิน 14 ไร่ ริมถนนสันทราย-แม่โจ้ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย เป็นบ้านเดี่ยวคุณภาพสไตล์ Modern Tropical มูลค่าโครงการกว่า 700 ล้านบาท

“เน้นตลาดระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง ถือเป็นกลุ่มตลาดที่ไม่มีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ ราคาขายเริ่มตั้งแต่ 9-30 ล้านบาท ตอนนี้ยอดขายทำได้ราว 20% ค่อนข้างช้า เพราะตลาดชะลอในช่วงตั้งแต่ปลายปี”59 และเริ่มกระเตื้องขึ้นช่วงไตรมาสสองของปี”60 คาดว่าจะสามารถปิดโครงการได้ในปี”61”

เขายอมรับว่า ธุรกิจอสังหาฯในช่วงนี้ยังอยู่ในภาวะที่เหนื่อย ด้วยองค์ประกอบและปัจจัยหลายด้าน แต่กำลังซื้อยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะบ้านเกรดพรีเมี่ยมยังเป็นที่ต้องการอยู่มาก ซึ่งก้าวต่อไปคือ การปลุกปั้นโครงการเอกลักษณ์ สันทราย ในทุก ๆ รูปแบบ

เร่งปลุกปั้นเบเกอรี่

นอกจากการเดินหน้าธุรกิจอสังหาฯแล้ว ศุภมิตรบอกว่า แผนงานในปีนี้ยังจะเร่งปลุกปั้นแบรนด์ “กัสท์เค้ก” ให้เป็นไลน์ธุรกิจเบเกอรี่ที่เต็มรูปแบบมากขึ้น ซึ่งกัสท์เค้ก บาย ศิริปันนา เป็นแบรนด์เบเกอรี่โฮมเมดที่เลื่องชื่อในความอร่อย Signature เด่น ๆ คือ มาการอง บัตเตอร์เค้ก คุ้กกี้ และแซนด์วิช มีช่องทางจำหน่ายหลักอยู่ที่ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 10 สาขาในเชียงใหม่และลำพูน โดยเตรียมกระจายสู่ห้างอื่น ๆ ด้วย อาทิ เทสโก้ โลตัส และมินิบิ๊กซี

ขณะเดียวกันก็จะมุ่งเน้นเรื่องทีมการผลิต การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตให้สูงขึ้น เพิ่มความหลากหลายของเบเกอรี่ให้มากขึ้น รวมถึงระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้า

แตกไลน์ธุรกิจสู่ค้าปลีก

ล่าสุดยังได้ซื้อแฟรนไชส์ “มินิบิ๊กซี” ลงทุนเปิดสาขาด้านหน้าโครงการพาราโน่ คอนโด แอท เชียงใหม่และแกรนด์ พาราโน่ ด้วยวงเงินราว 6-8 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงมาก สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าของโครงการคอนโดมิเนียมทั้งสองแห่ง และยังตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วไปได้ด้วย

“ธุรกิจค้าปลีกในลักษณะของมินิสโตร์มีโอกาสทางการตลาดสูง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการความสะดวก รวดเร็ว ครบครัน ซึ่งมินิบิ๊กซีมีสินค้าหลากหลายครบ ทั้งอุปโภค-บริโภค โดยคาดว่าภายในปี 2560 นี้ทางกลุ่มจะขยายการลงทุนแฟรนไชส์มินิบิ๊กซีเพิ่มอีก 1 สาขา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทำเลในเขตตัวเมืองเชียงใหม่”


ทั้งหมดคือก้าวรุกการเติบโตของเครือศิริปันนา กลุ่มทุนใหม่ของเมืองเชียงใหม่ในเวลานี้