“เซนทาโก” ประชาพิจารณ์ ตั้งโรงงานเชือดไก่ ชาวสระบุรี 2 ตำบลโวย ไม่ได้เข้าร่วมรับฟัง

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เวลา 16:30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้บริษัท สยามเซนทาโกฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกไก่ครบวงจรได้จัดตัวแทนมาดำเนินเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.หนองยาว และ ต.ปากข้าวสาร อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งจะใช้เป็นพื้นที่ตั้งโรงงานเชือดไก่ และโรงงานแปรรูปแห่งใหม่ 287’ไร่ มูลค่าหลายพันล้านบาท เพื่อนนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณาของบริษัท

นายประธีป นิลมูล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัท สยามเซนทาโกฟาร์ม จำกัด ได้ส่งหนังสือมาแจ้งว่าจะมีการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ 2 ตำบล ซึ่งต.ปากข้าวสารและต.หนองยาว แต่เมื่อชาวบ้านมาถึงสถานที่จัดงานบริเวณศาลาประชาคม กับไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปรับฟังและแสดงความคิดเห็น โดยมีประตูปิดกั้นเอาไว้ ขณะเดียวกันไม่ให้คนในศาลาฯ ออกมาข้างนอก ทั้งนี้ชาวบ้านที่อยู่ศาลาไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เป็นชาวบ้าน จากอ.หนองแซง อ.บัวลอย และ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวนไม่ต่ำกว่า 300 คน เพื่อให้มีจำนวนผู้ร่วมประชุมเห็นด้วยในการก่อสร้างโรงงานเชือดไก่

“บริษัทเชิญชาวบ้านที่มีส่วนได้ส่วนเสียมาเพื่อจะที่จะรับฟังความคิดเห็น แต่ไม่ให้คนอยู่ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงขึ้นไปบนศาลาร่วมประชุม แล้วปิดประตูไม่ให้ผู้เข้าร่วมประชุมข้างในออกมา มันแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่บริษัท และนายหน้าขายที่ดินที่ทำหน้าที่ประสาน และจัดงาน ไม่มีความจริงและดำเนินการแบบไม่โปร่งใส”

นายประธีป นิลมูล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในเมื่อการจัดประชาคมหรือประชาพิจารณ์ครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นโดยหน่วยงานราชการ ถึงจะมีการลงชื่อหรือยกมือสนับสนุนให้มีการก่อสร้างโรงงานก็ไม่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งต้องรอให้หน่วยงานราชการออกมาจัด ถึงตอนนั้นชาวบ้านจึงจะออกมาคัดค้านเต็มที่

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นนั้น ทางบริษัท ได้มีตั้งโต๊ะลงทะเบียนสำหรับชาวบ้านที่จะเข้าร่วม พร้อมกับให้ชาวบ้านเซ็นเอกสาร และแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน แต่ไม่ให้ชาวบ้านขึ้นไปบนศาลา แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อหนังสือฉบับนี้ไม่ได้รับรองการอนุมัติจากทางหน่วยงานราชการ ถึงมีการให้ชาวบ้านยกมือสนับสนุน ก็ไม่มีผลในทางกฎหมาย

นางนุชนาถ ภักดี ตัวแทนชาวบ้าน ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี กล่าวว่า บริเวณที่ตั้งโรงงานอยู่ระหว่างคลองส่งน้ำ สายเดียวในพื้นที่ ซึ่งได้มีการทูลเกล้าถวายในหลวง รัชกาลที่9 และมีการขุดลอกขยายคลองให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งมีชาวบ้านใช้น้ำในคลองอุปโภค บริโภค กว่า 10,000 ครัว อีกทั้งยังมี อนามัย โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และโรงเรียนตำรวจ อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย

“ช่วงปีที่ผ่านมาน้ำแห้งขอด ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในเมื่อคลองน้ำแห่งนี้เป็นคลองน้ำนิ่ง ไม่มีน้ำดัน ถ้าหากมีการสร้างโรงงานและปล่อยน้ำเสียออกมาแล้วไหลลงคลอง ชาวบ้าน สถานีอนามัยก็อยู่หน้าคลอง โรงเรียนตำรวจ มีนักเรียน 1,000 คน จะเอาน้ำที่ไหนมาใช้อุปโภคบริโภค และทำการเกษตร”

นางนุชนาถ กล่าวเติมอีกว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 48 แผนผังจังหวัดสระบุรีบอกพื้นที่ตรงนี้เป็นที่สีเขียวก็จริง แต่ปัจจุบันคือปี 2563 ซึ่งผ่าน 10กว่าปีแล้ว มีชุมชนและจำนวนผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ตอนนี้พื้นที่ตรงนี้กำลังเจริญ ถ้าอยากก่อสร้างแนะนำให้ทำเป็นห้างสรรพสินค้าจะดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหน้าศาลาประชาคม มีผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่เดินทางไปทำข่าว แต่ก็ถูกกันไม่ให้เข้าไปรับฟังเช่นกัน