กรมชลฯ วางยุทธศาสตร์จัดการน้ำสู่ชุมชนเพื่อเกษตรทุกภูมิภาค

เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในการใช้น้ำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย “นายทองเปลว กองจันทร์” อธิบดีกรมชลประทาน บอกว่า กรมชลประทานได้วางยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชน ทั้งในด้านการขยายตัวของพื้นที่และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรอบคอบรัดกุม ซึ่งส่งผลต่อปัญหาเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็น น้ำแล้ง น้ำหลาก โดยเฉพาะการจัดเตรียมมาตรการป้องกันภัยแล้งและอุทกภัยด้วยการแจ้งเตือนให้ทุกชุมชนได้ทราบกันล่วงหน้า เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

โดยกิจการชลประทานในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มด้วยมีพระราชดำริให้ขุดลอกคลองเก่าและขุดคลองขึ้นใหม่ในพื้นที่ราบภาคกลางของประเทศจำนวนมากเมื่อ พ.ศ.2431 และโปรดเกล้าฯให้ตั้งกรมคลองขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2445 ถึงวันนี้ ผ่านไป 118 ปีแล้ว และกรมชลประทานก็ได้ทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำขยายพื้นที่จากจุดเริ่มต้นประมาณ 680,000 ไร่ จนมีมากกว่า 33.98 ล้านไร่

“นายทองเปลว” สรุปการดำเนินงานของกรมชลประทานโดยแบ่งเป็น 4 ยุคสมัย ได้แก่ ยุคแรกนั้นเป็นยุคจัดหาดำเนินการเพื่อจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรม มีการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ เช่น โครงการป่าสักใต้ : เขื่อนพระราม 6 ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ประกอบด้วยเขื่อนทดน้ำปิดกั้นแม่น้ำป่าสักพร้อมระบบส่งน้ำ รวมพื้นที่รับประโยชน์ 680,000 ไร่ การขุดคลองระพีพัฒน์ ยุคที่ 2 เป็น ยุคจัดเก็บ เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการชลประทานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีการก่อสร้างแหล่งเก็บกักน้ำหลักบนลำน้ำสาขาต่าง ๆ

ยุคที่ 3 เป็นยุคจัดสรร เป็นยุคของการขยายการชลประทานเพื่อจ่ายน้ำให้การเกษตรและพัฒนาระบบชลประทาน นำน้ำเข้าสู่ไร่นาแปลงเกษตรกรรม ด้วยการดำเนินงานก่อสร้างระบบคันคูน้ำและจัดรูปที่ดิน เพื่อแพร่กระจายน้ำให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำเป็นภาคีเครือข่าย,ทำระบบโทรมาตรเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม ,บริหารจัดการระบบชลประทานโดยเกษตรกรมีส่วนร่วม, จัดตั้งคณะกรรมการจัดการชลประทานเพื่อพิจารณาแผนการส่งน้ำ , แผนการบำรุงรักษาระบบชลประทาน และประเมินผลการดำเนินงาน ,มีการใช้พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยจัดรูปที่ดินให้สมบูรณ์ทั่วถึงทุกแปลง เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต การจัดระบบน้ำ จัดระบบชลประทานจากทางน้ำชลประทานในพื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างทั่วถึง ปัจจุบัน พื้นที่จัดระบบน้ำ 11,209,820 ไร่ พื้นที่จัดรูปที่ดิน 2,017,298 ไร่ รวม 13.227 ล้านไร่ กำหนดเป้าหมายพื้นที่ทั้งหมดตามศักยภาพการพัฒนา 14.461 ล้านไร่ ตามแผนแม่บทการจัดรูปที่ดินตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2558

ยุคที่ 4 เป็นยุคของการก้าวเข้าสู่มิติใหม่ในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำภาคการผลิตของประเทศ โดยการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำในเชิงลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบผ่านกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมทุกรูปแบบและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ศักยภาพของบุคลากร นวัตกรรมและองค์ความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย และเป็นยุคที่การดำเนินการของกรมชลประทานจะต้องสอดคล้องกับหลากหลายกิจกรรมในสังคม การวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานชลประทานอย่างมีทิศทาง ภายใต้ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 และแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี


“นับว่าเป็นยุคที่การดำเนินงานจะต้องสอดประสานกับองค์ประกอบของสังคมในทุก ๆ ด้านอย่างลงตัว ต้องศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายความมั่นคงด้านน้ำ รวมถึงกระบวนจัดการน้ำ ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นหลัก”