ตลาดชายแดนเชียงรายคึกคัก หลังวันหยุดยาว ล่องเรือลำน้ำโขง-ทัวร์ถ้ำหลวงแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 5-8 ก.ค.นี้ พบว่าบรรยากาศที่ตลาดชายแดนฝั่งไทยทั้งตลาดดอยเวา ตลาดสายลมจอย ฝั่งชุมชนไม้ลุงขน ตลาดสดนายบุญยืน และบริเวณข้างเคียงต่างมีประชาชนและนักท่องเที่ยวพากันไปหาซื้อสินค้ากันอย่างคึกคักเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 และมีการปิดด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ที่เชื่อมกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา มาตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.2563 เป็นต้นมา

โดยพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างเปิดร้านและนำสินค้าชายแดนหลากหลายประเภทออกมาวางจำหน่าย โดยสินค้าที่จำหน่ายได้ดีมากจะเป็นประเภทเมล็ดทานตะวัน เกาลัด บ๊วย ผลไม้อบแห้งต่าง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเปิดภาคเรียนของบุตรหลาน เช่น เสื้อผ้านักเรียน ถุงเท้า รองเท้า ฯลฯ

ขณะที่ด่านพรมแดนยังปิด และไม่สามารถเดินทางข้ามไปท่องเที่ยวในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านและชาวเมียนมาจำนวนมากที่เคยข้ามมาซื้อสินค้าและใช้บริการฝั่งไทยยังเดินทางมาไม่ได้ แต่พบว่ากลุ่มผู้บริโภคตามตลาดชายแดนดังกล่าวเป็นคนในพื้นที่ จ.เชียงราย เป็นส่วนใหญ่

ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาจากกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ จะเน้นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เริ่มเปิดตัวในช่วงนี้ เช่น อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย ดอยผาฮี้-ผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน วัดร่องขุ่น วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง บ้านดำ ไร่เชิญตะวัน อ.เมืองเชียงราย ฯลฯ ซึ่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นตามลำดับ แตกต่างจากช่วงก่อนๆ ที่มีผู้คนไปเยือนน้อยมาก

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่าจากการสังเกตจากป้ายทะเบียนรถแล้วยังพบว่านักท่องเที่ยวที่ไปใช้บริการตามตลาดชายแดนยังคงเป็นชาวเชียงรายเป็นส่วนใหญ่ กระนั้นสถานการณ์การท่องเที่ยวช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม และช่วงกลางเดือนเป็นต้นไปเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ โดยสังเกตได้จากอัตราการจองห้องพักโรงแรมต่างๆ ที่เริ่มมีมากขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เริ่มจากการมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหรือกรุ๊ปทัวร์ที่เข้าไปจับจองเพื่อเดินทางท่องเที่ยวในโปรแกรมแม่สาย-ถ้ำหลวง ซึ่งได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา-ตลาดดอยเวา-ล่องเรือแม่น้ำโขง

สำหรับกรณีการขอให้พิจารณาเปิดด่านพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นทางหอการค้า จ.เชียงราย ได้เคยมีข้อเสนอไปยังจังหวัดแล้ว จึงจะไม่มีการเรียกร้องให้เปิดด่านในช่วงนี้เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของรัฐและเชื่อว่าเมื่อสนามบินมีการเปิดให้บริการมากขึ้นแล้ว ก็จะทำให้ทุกพื้นที่ได้รับประโยชน์ต่อไป

น.ส.ผกายมาศ กล่าวว่าสำหรับการท่องเที่ยวด้านอื่นนั้นล่าสุดทางบริษัทแม่โขง เดลต้า ทราเวล เอเจนซี่ จำกัด ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และสมาคมสหพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.) จ.เชียงราย ได้จัดกิจกรรม “Fam Trip ล่องเรือปันสุขเติมกำลังใจ” โดยนำเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำโขงของบริษัทคือ “แม่โขงเดลต้า” และ “กาสะลองคำ 2” ซึ่งเป็นเรือท่องเที่ยวที่ทันสมัย นำคณะนักท่องเที่ยวชุดแรกออกท่องเที่ยวชมทัศนียภาพของแม่น้ำโขงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการปิดพรมแดนช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาเป็นต้นมา

โดยทางบริษัท และ ททท.ได้จัดให้มีระบบป้องกันโรคตามหลักสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ทั้งเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ฯลฯ ทั้งนี้กิจกรรมมีการเชิญชวนผู้ประกอบกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท ฯลฯ ได้เดินทางไปชมความงดงามของแม่น้ำโขงฝั่งไทยตั้งแต่ท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 ไปยังสามเหลี่ยมทองคำ ชายแดนไทย-สปป.ลาว-เมียนมา สักการะองค์พระพุทธนวล้านตื้อลือโลก และล่องกระแสน้ำกลับไปยังท่าเรือ

กิจกรรมยังมีการแนะนำเส้นทางและแลกเปลี่ยนแนวคิดในการร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยวของ จ.เชียงราย เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชายแดนทั้งทางน้ำและทางบกกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะเป็นการรองรับการท่องเที่ยวยุคใหม่หลังวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทุเลาลงหรือเป็นการท่องเที่ยวยุคนิวนอร์มอล ขณะที่ในช่วงนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังคงเป็นปกติแม้จะเป็นฤดูน้ำหลากโดย

สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขา จ.เชียงราย แจ้งว่าวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำโขงบริเวณหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน ลึก 2.67 เมตร และวันที่ 2 ก.ค.ลึก 2.58 เมตร ซึ่งสามารถแล่นเรือได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทั้งไทยและเมียนมายังคงมีการปิดด่านพรมแดน และเปิดเฉพาะจุดที่ใช้ขนส่งสินค้าร่วมกันเท่านั้นต่อไป