“จุรินทร์’ เร่งเจรจาเมียนมาเปิดค้าชายแดน ดันจุดผ่อนปรน “กิ่วผาวอก-หลักแต่ง’ เชื่อมการค้า

“จุรินทร์’ เร่งเจรจาเมียนมาเปิดค้าชายแดน ดันจุดผ่อนปรน “กิ่วผาวอก-หลักแต่ง’ เชื่อมการค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง ณ เทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือการผลักดันการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหลักแต่ง อ.เวียงแหง และจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเมียนมาด้านรัฐฉาน และเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยังเมืองตองยี รวมถึงมัณฑะเลย์ของเมียนมาได้ใกล้และสะดวก

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า ฝ่ายไทยทุกภาคส่วนมีความเห็นพ้องต้องกันในการสนับสนุนการเปิดทำการจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหลักแต่ง และจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอกอย่างเต็มที่ แต่กองกำลังทหารแจ้งว่า พื้นที่ดังกล่าวยังติดปัญหาด้านความมั่นคง รัฐบาลกลางเมียนมาและชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ยังมีความระแวงซึ่งกันและกันและยังมีความเห็นไม่ตรงกัน โดยพื้นที่จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหลักแต่งจะติดกับพื้นที่ชนกลุ่มน้อยไทใหญ่ และจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอกจะติดกับพื้นที่ชนกลุ่มน้อยว้า

โดยทางกระทรวงพาณิชย์จะได้ผลักดัน และกำหนดแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ 1.กระทรวงการต่างประเทศของไทย (กรมเอเชียตะวันออก) จะได้นำเสนอผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้หยิบยกประเด็นการผลักดันเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหลักแต่ง และจุดผ่อนปรนการค้ากิ่วผาวอก ขึ้นเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ในการประชุมร่วมระหว่างสองฝ่ายที่จะมีขึ้น ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ผ่านระบบการโทรศัพท์ทางไกล

2.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อม หากทางเมียนมามีความเห็นด้วยให้เปิดทำการจุดผ่านแดนทั้งสองแห่งได้แล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยดำเนินการให้สามารถขนส่งสินค้าข้ามแดนและให้คนข้ามไปมาหาสู่กันได้จริง ภายในระยะเวลา 1 เดือน

3.ให้ทหารฝ่ายความมั่นคงของไทย หารือกับหน่วยงานความมั่นคงของเมียนมา เพื่อนำไปสู่การเจรจาและร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลเมียนมาเห็นด้วยกับการเปิดทำการจุดผ่านแดนดังกล่าว

4.กระทรวงพาณิชย์จะรับหน้าที่นำประเด็นผลักดันการเปิดทำการจุดผ่อนปรนทั้งสองแห่งนี้ หารือกับทูตเมียน มา ประจำประเทศไทย และจะให้ทูตพาณิชย์ไทยในเมียนมา ช่วยผลักดันเรื่องดังกล่าวด้วย

5.ภาคเอกชน นำโดย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมวัฒนธรรมเศรษฐกิจไทย-เมียนมา ร่วมหารือกันเป็นตัวแทนภาคเอกชนไทย ไปหารือกับภาคเอกชนฝ่ายเมียนมา เพื่อนำความประสงค์ของภาคเอกชนสองฝ่ายนี้ ผลักดันกับรัฐบาลเมียนมาต่อไป

ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งศุลกากร และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ยืนยันในที่ประชุมดังกล่าวว่ามีความพร้อมหากจะมีการเปิดทำการจุดผ่อนปรนการค้าทั้งสองแห่ง เพราะปัจจุบันมีการสร้างอาคาร ตม. และศุลกากรอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เปิดทำการจึงมีความรกร้าง หากจะเปิดทำการต้องมีการซ่อมแซมเสียก่อน แต่เรื่องกำลังเจ้าหน้าที่นั้น มีความพร้อมประจำการได้เลย

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังได้หยิบยกประเด็นการผลักดันจุดผ่อนปรนการค้าห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน เป็นด่านถาวร ซึ่งปัจจุบันด่านห้วยต้นนุ่นมีการค้าขายได้ปกติ แต่อยากจะยกฐานะขึ้นเป็นด่านถาวรเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ แต่ปัจจุบันเมียนมายังไม่เห็นด้วยกับการยกฐานะด่านห้วยต้นนุ่นเป็นด่านถาวร อยากให้มีลักษณะเพียงแค่เป็นด่านที่ให้คนไทยและเมียนมาสามารถข้ามไปมาหาสู่กันได้เท่านั้น แต่ไม่อยากให้คนประเทศที่ 3 เดินทางข้ามแดนตรงจุดนี้ อยากให้เป็นลักษณะคล้ายกับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรที่เป็นอยู่ตอนนี้

อย่างไรก็ตาม สมช.แจ้งว่า ไทยและเมียนมาอยู่ระหว่างทำการสำรวจภูมิประเทศร่วมกัน (Joint Detail Survey-JDS) ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความเห็นให้เร่งรัดผลักดันการยกฐานะจุดผ่อนปรนการค้าห้วยต้นนุ่นเป็นจุดผ่านแดนถาวรให้ได้ ซึ่งด่านห้วยต้นนุ่นติดกับรัฐคะยาของเมียนมา และใกล้กับกรุงเนปิดอว์ จะช่วยส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าการค้ามากขึ้น