3 จังหวัดภาคเหนือรุกท่องเที่ยวเชื่อมดินแดนสามกษัตริย์

photo / pixabay.com

เอกชน 3 จังหวัดเปิดรูตท่องเที่ยวสามเหลี่ยมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม-มรดกโลก กระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่เชื่อมโยงดินแดนสามกษัตริย์ “สุโขทัย-เชียงใหม่-พะเยา” พร้อมลงนาม MOU ความร่วมมือจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันในเชิงชุมชน-เกษตร-สุขภาพ นำร่องจัดแรลลี่ “ตามรอย 3 พญา กษัตราล้านนาไทย” ด้วยรถ 333 คัน ก่อนจะผลักดันการเป็นเมืองพำนักระยะยาว (long stay) เปิดเส้นทางบินระยะสั้นใน 3 เมืองในอนาคต

นายอนันต์ธรณ์ โหจินดารัตน์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางสมาคมได้ให้ความสำคัญการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวในพื้นที่ และข้ามจังหวัด เพื่อให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้มีสภาพคล่องสูงขึ้น จึงได้ประสานงานผ่านทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย และภาคเอกชนจังหวัดพะเยา โดยทั้ง 3 จังหวัดจะดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวร่วมกันในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่ โดยการจัดแรลลี่ “ตามรอย 3 พญา กษัตราล้านนาไทย” ด้วยรถ 333 คัน ซึ่งจะจัดให้ครอบคลุมเส้นทาง 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ สุโขทัย และพะเยาภายในเดือนตุลาคม 2563 รวมถึงความร่วมมือการเป็นเมืองพำนักระยะยาว (long stay) เมือง smart city และการเปิดเส้นทางบินระยะสั้น 3 เมืองในอนาคต

ทั้ง 3 จังหวัดได้ประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบันว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ทำให้จังหวัดท่องเที่ยวหลักรอรับ หรือหยุดนิ่งไม่ได้ต้องมีการเชื่อมโยงท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนในแต่ละพื้นที่ โดยใช้ศักยภาพและความโดดเด่นมาดึงดูดนักท่องเที่ยว และจะต้องมีสิทธิพิเศษด้วยทั้งด้านการท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือเชิงสุขภาพ ซึ่งทางจังหวัดสุโขทัย เชียงใหม่ และพะเยา มีความเกี่ยวข้องกันเชิงประวัติศาสตร์ผ่านสามกษัตริย์ ได้แก่ พญางำเมือง แห่งอาณาจักรภูกามยาว หรือพะเยาในปัจจุบัน พญามังราย แห่งอาณาจักรเชียงราย-เชียงแสน และพญาร่วง แห่งอาณาจักรสุโขทัย จึงเป็นแนวคิดที่ภาคเอกชนทั้ง 3 จังหวัดจะจัดกิจกรรมร่วมกันในอนาคต

นายอนันต์ธรณ์กล่าวต่อไปว่า ในเร็ว ๆ นี้ ทั้ง 3 จังหวัดจะได้ลงนามความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ และสร้างการหมุนเวียนเศรษฐกิจในท้องถิ่น (local economy) โดยจัดโครงการท่องเที่ยวข้ามจังหวัด ในเส้นทางที่มีศักยภาพและอัตราพิเศษ และส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายต้นแบบการส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดที่ได้มาตรฐาน การให้บริการนักท่องเที่ยว อันจะทำให้เกิดการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมถึงสร้างการตื่นตัวของผู้ประกอบการท่องเที่ยวของทั้ง 2 จังหวัดในการต้อนรับนักท่องเที่ยวภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ (new normal) รวมถึงมีการพัฒนาบุคลากรในการเตรียมความพร้อมด้านขีดความสามารถของผู้ประกอบการท่องเที่ยวช่วงเปลี่ยนผ่านของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ควบคุมและสู่การสิ้นสุดในอนาคต นอกจากนั้นจะได้ร่วมกันส่งเสริมพัฒนาการด้านการตลาด ฐานข้อมูลการท่องเที่ยวระหว่างกันเพื่อบูรณาการและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ประสบการณ์ในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวชุมชน และอนุรักษ์ระหว่างกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดพะเยามีแผนงานที่จะผลักดันการก่อสร้างสนามบินจังหวัดพะเยา “Phayao Green Airport” ในเขตตำบลแม่กา และตำบลจำป่าหวาย ซึ่งใกล้กับศูนย์การแพทย์ฯ และมหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 2,500 ไร่ หากโครงการมีความเป็นไปได้ในการลงทุนจะทำให้อนาคตสามารถเกิดการบินเชื่อมโยงกันในระยะสั้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และพำนักระยะยาวใน 3 จังหวัดได้ รวมถึงจะเป็นสามเหลี่ยมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ตามรอย 3 พญา กษัตราล้านนาไทยทั้งสามพระองค์ด้วย