ค้าชายแดนด่านแม่สายลดฮวบ ปม ไทย-เมียนมา ขัดแย้งมาตรการโควิด

ด่านแม่สาย

ค้าชายแดนแม่สายลดฮวบ หลังไทย-เมียนมาขัดแย้งมาตรการป้องกันโควิด-19 จากเดิมรถขนส่งผ่านวันละ 300-400 เที่ยว เหลือแค่รถวิ่งเพียง 6 คัน

วันที่ 17 กันยายน 2563 นายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า จากกรณี จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้มีการใช้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 เรื่องการขนส่งสินค้าชายแดนระหว่างกันโดยฝ่ายไทยกำหนดให้รถตู้จากเมียนมาข้ามมาได้จำนวน 168 คัน เป็นเวลา 1 วัน และให้เปลี่ยนคนขับที่อยู่ฝั่งไทยบริเวณด่านพรมแดนมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.นี้เป็นต้นไป

ทำให้ฝ่าย จ.ท่าขี้เหล็ก ได้ใช้มาตรการจำกัดโควต้ารถบรรทุกทุกชนิดให้ข้ามไปฝั่งเมียนมาได้เพียง 6 คัน และกรณีรถป้ายทะเบียนเมียนมาก็ให้ข้ามมาฝั่งไทยได้เพียง 6 คันเช่นกันนั้น

ตนเชื่อว่าจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนที่เคยมีจำนวนมาก แม้จะอยู่ในช่วงที่ปิดพรมแดนจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ลดฮวบลงอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการแก้ไขปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย และตนเชื่อระยะแรกคือการขยายโควต้าจำนวนรถให้มากขึ้น และระยะยาวคือมีการเจรจาผ่อนปรนระหว่างกันภายใต้มาตรการป้องกันการระบาดของโรคที่ยังเข้มงวดเหมือนเดิม

นายอนุรัตน์ กล่าวว่าจากเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเห็นว่าฝ่ายไทยและเมียนมาควรตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนระหว่าง จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นประธานร่วม เพราะกรณีของวิกฤติไวรัสโควิด-19 นี้จะเห็นได้ว่ารัฐบาลแต่ละฝ่ายได้มอบอำนาจเต็มให้ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจดำเนินกิจการชายแดนได้เอง

แต่เมื่อไม่มีคณะกรรมการก็ไม่มีช่องทางในการปรึกษาหารือและเมื่อแต่ละฝ่ายพิจารณามาตรการจนนำไปสู่การประกาศบังคับใช้ก็จะแจ้งข่าวสารผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นหรือทีบีซีซึ่งมีฝ่ายทหารเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ จึงนำมาสู่การใช้มาตรการอาจจะไม่สอดคล้องกันดังกล่าว

ดังนั้นตนหวังว่าจะมีการหารือกันในเร็ววันนี้และแต่ละฝ่ายจะเพิ่มโควต้าจำนวนรถเพื่อผ่อนปรนความตึงเครียดลง เพราะการค้าที่ลดลงส่งผลกระทบต่อทั้ง 2 ฝ่ายแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากฝ่ายไทยมีคำสั่งฉบับที่ 22 ของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ที่มีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ส่วนมาตรการใหม่ของฝั่งประเทศเมียนมานั้นเกิดขึ้นหลังมีคำสั่งจากฝั่งไทยดังกล่าว ทำให้บรรยากาศการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ตรงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย ซึ่งเป็นจุดเดียวกันอนุญาตให้ขนส่งสินค้าระหว่าง จ.เชียงราย กับรัฐฉานซบเซาลงจากเดิมที่เคยมีรถขนส่งสินค้าวันละกว่า 300-400 เที่ยว

ตลอดทั้งวันก็มีเพียงรถบรรทุกขนาดใหญ้าโดยเฉพาะรถขนน้ำมันเชื้อเพลิงไปรอส่งออก ส่วนสินค้าอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ขนสินค้าอุปโภคบริโภคพากันจอดรออยู่ที่ลานจอดและมีสินค้าประเภทพืชผักและอาหารจำนวนมากที่ผู้ประกบอการนำวางเรียงรายอยู่ข้างทางหน้าด่านพรมแดนโดยไม่ทราบว่าจะนำข้ามฝั่งไปได้หรือไม่

ค้าชายแดนติดขัด

รวมทั้งบางส่วนไปจอดรอกันที่หน้าสำนักงานหอการค้า อ.แม่สาย เพราะเป็นสถานที่ที่เปิดให้มีการลงทะเบียนเรียงลำดับการได้สิทธิ์ขนสินค้าข้ามไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ในวันแรกจำนวน 6 คัน และเรียงลำดับในวันถัดๆ ไปวันละ 6 คันดังกล่าว

ทั้งนี้พบว่ามีผู้ประกอบการไปลงทะเบียนแล้วมากกว่า 300 คัน ทำให้ น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย ได้จัดให้ใช้สำนักงานของหอการค้า อ.แม่สาย ได้เชิญผู้ประกอบการร่วมประชุมหารือเพื่อหาออกอย่างเร่งด่วนแล้ว


รายงานข่าวจากด่านศุลกากรแม่สายแจ้งว่าปีงบประมาณ 2563 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2562-ส.ค.2563 อ.แม่สาย มีการค้ากับ จ.ท่าขี้เหล็ก มูลค่าการค้ารวม 12,244,019,935.60 บาท แยกเป็นการส่งออก 10,803,646,550.06 บาท โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น สุรา เครื่องดื่มต่างๆ ไวน์ ไฟฟ้า เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว เหล็กเส้นและเหล็กข้ออ้อย ผ้าอ้อมสำเร็จรูปและผ้าอนามัย สินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1,440,373,385.54 บาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรกรรม สินแร่ ไม้สัก ฯลฯ.