ไทย-เมียนมา ถกปมรถสินค้าข้าม 28 ก.ย.นี้ หลังสินค้าค้างเติ่งชายแดน

ไทย-เมียนมา เร่งเปิดโต๊ะเจรจาปัญหารถสินค้าข้าม 28 ก.ย.นี้ หลังสินค้าค้างเติ่งชายแดน เสียหายหนักหลายร้อยล้าน ด้านเอกชนไทยเผยอยากให้รัฐเปิดเสรี ไม่ต้องจำกัดแค่ 168 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีทาง จ.ท่าขี้เหล็ก มีมาตรการกำหนดให้รถสินค้าไทยเข้าไปในเมียนมาผ่านสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นจุดเดียวที่ใช้เชื่อมต่อกันในช่วงปิดพรมแดนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้เพียง 6 คันต่อวัน และรถจากเมียนมามายังฝั่งไทยได้เพียง 6 คันเท่ากัน จนทำให้บรรยากาศการค้าชายแดนมีสภาพซบเซาอย่างหนัก เพราะตามปกติจะมีการขนส่งสินค้าวันละกว่า 400-500 เที่ยว

โดยมาตรการของประเทศเมียนมาดังกล่าวมีขี้นหลังจากคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ได้มีคำสั่งที่ 22 กำหนดให้รถบรรทุกสินค้าสามารถผ่านพรมแดนดังกล่าวได้จำนวน 168 คัน และให้เปลี่ยนคนขับบริเวณด่านพรมแดนด้วย ซึ่งได้ส่งผลทำให้ทาง จ.ท่าขี้เหล็ก ได้มีมาตรการตอบโต้ดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่นหรือทีบีซี นำโดย พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ในฐานะประธานทีบีซีฝ่ายไทย เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการทีบีซีเฉพาะฝ่ายไทย เพื่อเตรียมจัดการประชุมร่วมทีบีซีไทย-เมียนมา ระหว่าง จ.เชียงราย กับ จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งประชุมได้มีการรวบรวมข้อมูลและหารือกันกรณีที่ทางการเมียนมาได้มีมาตรการดังกล่าวว่าอาจเกิดจากความเข้าใจผิดว่ามีการจำกัดปริมาณรถขนสินค้าที่มีป้ายทะเบียนของประเทศเมียนมา ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้วทางการไทยไม่ได้มีการกำหนดประเภทรถขนสินค้าแต่อย่างใด เพราะมีการเปิดให้รถขนสินค้าจากทั้ง 2 ชาติสามารถทำการขนสินค้าได้ตามจำนวนที่กำหนดซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว

พ.อ.ชาตรี กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาและประสานงาน ทำให้เชื่อว่าอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการจำกัดปริมาณรถข้ามแดนว่าให้มีรถของชาวเมียนมาได้เพียง 6 คัน ขณะที่โดยแท้จริงแล้วไม่ได้มีการจำกัดแต่อย่างใด แต่ที่กำหนดให้มีเพียงวันละไม่ 168 คัน ก็เพื่อสะดวกต่อการควบคุมและตรวจสอบ รวมถึงการเปลี่ยนคนขับรถและกำหนดจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าบริเวณหน้าด่านเท่านั้น

ดังนั้นในการจะหารือกับทางเมียนมาในครั้งนี้มีการพุดคุยกันใน 3 เรื่องคือ 1.เรื่องการเปลี่ยนคนขับบริเวณหน้าด่าน 2.การไม่จำกัดเรื่องทะเบียนรถว่าจะเป็นไทยหรือเมียนมา โดยเฉพาะรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่อื่นๆ จะไม่มีการจำกัด แต่ยังอยู่ในกรอบ 168 คัน และ 3.เรื่องพิธีการทางศุลกากรที่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์

ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่าการจำกัดปริมาณรถของทางการท้องถิ่นเมียนมาได้ทำให้มีสินค้าที่ตกค้างอยู่บริเวณหน้าด่านพรมแดนวันละกว่า 40-50 ล้านบาท และที่ส่งออกไปได้เหลือเพียงวันละ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น ยกเว้นวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการส่งออกไปได้มูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท เพราะหอการค้า จ.เชียงราย ได้ขอความร่วมมือให้มีการผลักดันรถบรรทุกน้ำออกเต็มจำนวนโควตา 6 คัน เพราะหากปล่อยจอดไว้หน้าด่านพรมแดนไว้นานวันอาจเป็นอันตรายได้

สำหรับการประชุมทีบีซีนั้นอยากให้มีการทำความเข้าใจเรื่องปริมาณรถข้ามแดนว่าไม่ควรมีการจำกัด เพราะจะทำให้เสียโอกาสทางการค้า แต่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนคนขับยกเว้นคนขับรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะต้องอาศัยความชำนาญและมีความเสี่ยงสูงส่วนรถชนิดอื่นๆ ก็มีการเปลี่ยนได้ตามมาตรการเดิมต่อไป

ล่าสุดนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย และผู้แทนทีบีซีฝ่ายไทย ได้ประสานกับนายซานเมียนซอ นายอำเภอท่าขี้เหล็ก เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการประชุมในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย.นี้ โดยทางประเทศเมียนมาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อหาทางเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวต่อไป