เศรษฐกิจภูมิภาค

เชียงใหม่ผนึกพลังทุกภาคส่วน สู้ฝุ่นควันปี’64

เชียงใหม่คิกออฟเทศกาล“ล้านนาฟ้าใสลมหายใจเดียวกัน” ผนึกพลังทุกภาคส่วนสู้ฝุ่นควันปี 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการ  สภาลมหายใจเชียงใหม่ และภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ร่วมกันเปิดเทศกาล “Lanna Breeze ล้านนาฟ้าใสลมหายใจเดียวกัน” ณ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา เชียงใหม่ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ไปจนถึงกลางเดือนเมษายน 2564

มหกรรมดังกล่าวเป็นการรวมพลังสังคมทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาชน โดยการประสานงานของสภาลมหายใจเชียงใหม่ เพื่อป้องกันบรรเทาและร่วมกันต่อสู้กับวิกฤตมลพิษฝุ่นควันไฟ PM 2.5 ซึ่งเกิดเป็นประจำทุกปี

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของการทำงานแก้ปัญหาฝุ่นควันในปี 2564 จะมุ่งเน้นความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐกับประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งที่ผ่านมามีจำนวนวันที่ค่ามลพิษสูงเกินมาตรฐานเกินกว่า 70 วันในหนึ่งปี โดยตั้งเป้าลดจุดความร้อน (Hotspots) และพื้นที่การเผาไหม้ลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 25 จากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญเรื่องการเตรียมโครงสร้างการเผชิญเหตุ เน้นบูรณาการทั้งภาคชนบทและภาคเมืองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากปีก่อน

นายสมชาติ วัฒนากล้า ผู้อำนวยการสำนักงานช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อบจ. เชียงใหม่ จะสนับสนุน คน งบประมาณ ทรัพยากร และบุคลากร สำหรับแผนงานในปี 2564 จะเป็นปีแรกที่ อบจ.เชียงใหม่ จะอุดหนุนงบประมาณตรงไปให้กับชุมชนหมู่บ้าน 1,000 กว่าแห่งโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการไฟในระดับชุมชนดีขึ้นอย่างแน่นอน

นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาหลักในภาคเมืองมาจากรถ ปัจจุบันมีปริมาณรถจักรยานยนต์มากกว่า 1 ล้านคัน มีรถยนต์มากกว่า 4 แสนคัน ถือเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับภาคเมือง โดยขณะนี้เทศบาลนตรเชียงใหม่อยู่ระหว่างการออกแบบมาตรการในการแก้ปัญหา เช่นการห้ามเดินรถบางชนิดในบางเวลา เป็นต้น

ด้านนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงระยะ 14 ปีที่ผ่านมา พบว่าปัญหามลพิษฝุ่นควันมีความซับซ้อนที่มาจากวิถีชีวิตและพฤติกรรมของมนุษย์ ทั้งนี้ การจัดเทศกาล “Lanna Breeze ล้านนาฟ้าใส ลมหายใจเดียวกัน” คือการรวมทุกภาคส่วน ในการเตรียมการตั้งล่วงหน้าในการแก้ปัญหาไม่ใช่การตามเข้าไปดับไฟ

โดยภายในงานยังมีการประชาสัมพันธ์ กิจกรรม “Chiang Mai Go Green Festival ปั่นเพื่อเปลี่ยน” ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานของเทศกาลฯ โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ และสภาลมหายใจเชียงใหม่ ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันคิดและคาดหวังให้เป็นกลไกในการสร้างกระแสการเดินทางคาร์บอนต่ำครั้งใหญ่ เปิดพื้นที่เมืองเก่าให้ผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวไทย เข้ามาสัมผัสเมืองเก่าในบรรยากาศ ที่ปลอดโปร่ง ด้วยการใช้จักรยานทุกๆเช้าวันอาทิตย์ระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ถึง 31 มกราคม 2564 รวม 13 สัปดาห์

นางนลี อินทรนันท์ หัวหน้าภาคเมือง สภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า การปั่นจักรยานในเทศกาลนี้จะเป็นการปั่นตามอัธยาศัยในพื้นที่เขตเวียงเก่า เพื่อชมตัวเมืองเก่าเชียงใหม่ที่น้อยคนจะได้สัมผัส โดยแต่ละสัปดาห์จะมีชุมชนเจ้าภาพจัดเตรียมพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว “บนอาน” ด้วยกาดมั่วคัวฮอม ของดีเปิงดีอวด และเวทีการแสดง ขณะที่ลานสามกษัตริย์ จะมีเต๊นท์กองอำนวยการเป็นจุดติดต่อขอใช้บริการทัวร์ไกด์ (ฟรี) ปั่นล่องกอง ปั่นเก็บผักจากสวนผักในเวียง ปั่นชมวัด ปั่นเล่นเกมส์ล่ารางวัล และรับแจกคูปองสมนาคุณ เป็นรางวัลให้กับผู้เข้าร่วมฯ และจับรางวัลใหญ่ในวันสุดท้ายของเทศกาล โดยในวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2563 เวลา 8.00 น. จะจัดเป็นสัปดาห์แรก

สำหรับเทศกาล “Lanna Breeze ล้านนาฟ้าใส ลมหายใจเดียวกัน” จะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการรณรงค์ การให้ความรู้ การแลกเปลี่ยนและนำเสนอเชิงวิชาการ อาทิ การส่งเสริมเกษตรกรลดการเผาพื้นที่เกษตร การปั่นจักรยานลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง การส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวเพื่อการบริโภคในครัวเรือน การจัดแสดงงานศิลปะจัดวางและศิลปะการแสดง การจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้า เพื่อนำเสนอนวัตกรรมป้องกันฝุ่น ฯลฯ ทยอยนำเสนออย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่างๆ ทั่วจังหวัด

ขณะเดียวกัน การจัดเทศกาล “Lanna Breeze ล้านนาฟ้าใสลมหายใจเดียวกัน” ในครั้งนี้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ กับ สภาลมหายใจเชียงใหม่ เพื่อนำชุดความรู้ Animation “จากฝุ่นควันสู่สภาวะโลกร้อน” และข้อมูลทางวิชาการที่เกี่ยวกับการป้องกันและการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน และหลักสูตรความรู้ในโรงเรียนทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่