มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ชี้ยางราคาดีถึงกลางปี’64

Photo: AFP/PORNCHAI KITTIWONGSAKUL

มหาวิทยาลัยหาดใหญ่เผยดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคมเดือน ต.ค. ปรับตัวเพิ่ม เหตุราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม

พบว่าในเดือนตุลาคมดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมอยู่ที่ระดับ 42.60 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายนอยู่ที่ระดับ 41.80 แต่หากเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งอยู่ที่ 48.30 นับว่ายังน้อยกว่ามาก

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมที่เพิ่มขึ้นปัจจัยบวก คือ ราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ราคาทะลายปาล์มน้ำมันปรับตัวขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้พลังงานไบโอดีเซลภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น

จึงผลักดันให้ราคาทะลายปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และปัจจัยบวกที่สำคัญที่สุด คือ ราคายางพาราได้ปรับตัวสูงขึ้นสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน โดยคาดกันว่าราคายางในประเทศจะขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 
90 บาทในอีกไม่นาน

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคายางเพิ่มสูง ได้แก่ 1.การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.ปริมาณยางพาราในตลาดมีน้อย
เนื่องจากแรงงานเมียนมาที่รับจ้าง
กรีดยางเดินทางกลับประเทศในช่วงล็อกดาวน์ ยังกลับเข้ามาในไทยไม่ได้ 3.สภาพอากาศในกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางพารา

ได้แก่ เวียดนาม จีนตอนใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย มีฝนตก เกิดน้ำท่วม 
ส่งผลให้ผลผลิตยางพาราออก
สู่ตลาดน้อยลง 4.ในช่วงเดือนตุลาคม ตรงกับกำหนดส่งมอบยาง แต่ผลผลิตยางพาราออกสู่ตลาดไม่เพียงพอ

โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ยังคงอยู่ในระดับ 80 กว่าบาทต่อกิโลกรัม และอาจจะดีดตัวไปถึง 100 บาทต่อกิโลกรัมได้ ราคาจะทรงอยู่เช่นนี้ไปจนถึงกลางปี พ.ศ. 2564 แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งช่วงนั้นราคายางจะเริ่มตกลงตามลำดับ เนื่องจากความต้องการถุงมือยางได้ลดน้อยลง

จากผลการศึกษาพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นประชาชนภาคใต้เดือนตุลาคมดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน รายได้จากการทำงาน และความสุขในการดำเนินชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรชาวสวนยาง
เนื่องจากราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก

และในขณะที่รายจ่ายด้านการท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากช่วงเดือนตุลาคมนี้มีวันหยุด 2 วัน ทำให้ประชาชนภาคใต้ส่วนหนึ่งเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน นอกจากนี้ 
รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากประชาชนที่ได้รับสิทธิจากโครงการ “คนละครึ่ง” และเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งมียอดใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วกว่าพันล้านบาท

ในขณะที่ภาระหนี้สินที่สูงขึ้นเกิดจากผลพวงในช่วงล็อกดาวน์ และกิจการที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ ทำให้มีรายได้ลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ภาระหนี้สินเพิ่มพูนสูงขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ อาจเป็นเพราะความกังวลกับสถานการณ์การเมือง การชุมนุมของนักศึกษาทำให้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย ส่งผลต่อสังคมเริ่มมีความคิดต่างและเกิดการแบ่งแยกทางสังคม หากเหตุการณ์บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้

ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีการปรับตัวลดลงตลอดระยะเวลา 10 เดือน คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่ารัฐบาลพยายามออกโครงการต่าง ๆ 
มากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก แต่ไม่ทำให้
เศรษฐกิจดีขึ้นได้ แม้โครงการต่าง ๆ
ที่ออกมาเป็นโครงการที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ เพราะการดำเนินงานและการขับเคลื่อนโครงการยังไม่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ และไม่สามารถตอบโจทย์ของ
ผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง

โดยเฉพาะผู้ประกอบการและประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่มีสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต
ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการและไม่ได้รับสิทธิ อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเข้าร่วมโครงการ จึงควรให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยให้บริการ และช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการอย่างทั่วถึง

รายงานระบุว่า จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลประยุทธ์ 2 พบว่าจุดเด่น คือ การบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมาก

ส่วนจุดด้อย
คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไม่มีการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นตามที่ได้เคยกล่าวไว้ รัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ ไม่มีผลงานเด่นที่ชัดเจน การดำเนินงานของหน่วยงานราชการกลับไปสู่แบบเช้าชามเย็นชามเสมือนในอดีตก่อนปี พ.ศ. 2540

ในขณะที่ราชการมีรายได้และสวัสดิการดีกว่าภาคเอกชนจำนวนมาก แต่การให้บริการกลับแย่ลง เป็นเพราะภาครัฐไม่มีระบบประเมินการให้บริการจากประชาชนผู้ใช้บริการเหมือนหน่วยงานเอกชน

ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 32.80 และ 36.80 ตามลำดับ

ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 38.20 และ 35.40 ตามลำดับ

ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 28.20, 34.10 และ 35.40 ตามลำดับปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันมากที่สุดคือ ค่าครองชีพ 
คิดเป็นร้อยละ 25.40 รองลงมาคือ ราคาสินค้าสูง และการเมือง คิดเป็นร้อยละ 22.80 และ 13.10 ตามลำดับ


ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ ค่าครองชีพ รองลงมาคือ 
ราคาสินค้าสูง ตามลำดับ