ผู้ค้าชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ กาญจนบุรีกระทบหนัก จี้รัฐผ่อนปรนส่งออกเมียนมา

ผู้ประกอบการค้าชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งหามาตรการผ่อนปรนการนำเข้า-ส่งออก หลังได้รับความเดือดร้อนหนัก ขณะทางการเมียนมาและผู้ประกอบการ เตรียมพร้อมเปิดด่านฯ หากฝ่ายไทยตกลง

นายวิทยา พงษ์อาจิณ ผู้จัดการบริษัทไทยอินเตอร์ฮอเนต เทรดดิ้ง บ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าอุปโภค บริโภค ไปยังประเทศเมียนมา รายใหญ่ที่สุดของบ้านพระเจดีย์สามองค์ เปิดเผยว่า การประกาศปิดด่านตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันของผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี กำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจการส่งออกสินค้า เนื่องจากมีสินค้ารอการส่งออกไปให้คู่ค้าชาวเมียนมาตกค้างอยู่ในโกดังเป็นจำนวนมาก 

ที่สำคัญสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าอุปโภค บริโภค จำพวกน้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อต่างๆ อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรส ซึ่งมีกำหนดวันหมดอายุและสามารถเสื่อมคุณภาพได้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

 

ขณะที่ยังไม่มีคำตอบว่าจะสามารถส่งออกได้วันไหน จะส่งคืนบริษัทผู้ผลิตก็ไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่สั่งซื้อไว้ และทำการเก็บรักษาในโรงงาน ซึ่งวันนี้ผู้ผลิตเร่งให้มาทำการขนย้ายออกจากโกดังของบริษัทผู้ผลิตอีกจำนวนมาก มูลค่ารวมหลายสิบล้านบาท หากไม่มีการช่วยเหลือจากภาครัฐ ผู้ประกอบบางรายอาจต้องถึงกับหมดตัวในวิกฤติครั้งนี้

จึงอยากขอความเห็นใจจากผู้มีอำนาจให้เข้ามาช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการให้สามารถระบายสินค้าออกไปให้ถึงมือลูกค้าได้ เพื่อลดความความสูญเสีย 

ทั้งนี้อาจมีมาตรการผ่อนปรนให้สามารถส่งออก-นำเข้า โดยผ่านมาตรการการตรวจสอบของภาครัฐ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ยังดี เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ เพราะไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ จะยาวนานแค่ไหน 

“หากหน่วยงานรัฐต้องการการสนับสนุนอุปกรณ์ในการป้องกัน ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ ที่สำคัญหากมีการผ่อนผันจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ แต่หากไม่มีการแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการ ลูกค้าชาวเมียนมาจะหันไปสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้า อาทิ อินเดีย จีน จะส่งผลให้ผู้ประกอบการในพื้นที่เสียโอกาส เนื่องจากกว่าจะเจรจาจนเกิดการค้าขายระหว่างกันได้ต้องใช้เวลานานนับ 10 ปีเลยทีเดียว” นายวิทยา กล่าว

ด้าน นายอุดม อินสุวรรณ์ ประธานหอการค้า พญาตองซู และผู้ประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา กล่าวว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมียนมาเองได้พัฒนาเส้นทางการค้าชายแดนจากเมืองตันบูชายัต ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ที่เชื่อมเมืองย่างกุ้งเข้ากับเมืองสำคัญในรัฐมอญและกะเหรี่ยงเข้ากับชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ในพื้นที่กิ่ง อ.พญาตองซู อ.ซาเอ็งเซ็กจี จ.กอกะเร็ก รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเมืองยุทธศาสตร์การค้าชายแดน ที่สำคัญของเมียนมา-ไทย ด้วยระยะทางเพียง 172 กม. จากชายแดนด่านเจดีย์สามองค์-เมืองมะละแหม่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญในรัฐมอญ และ 473 กม. จากชายแดนด่านเจดีย์สามองค์-เมืองย่างกุ้ง (เมืองหลวงประเทศเมียนมา) จึงนับได้ว่าช่องทางการค้าชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ เป็นช่องทางที่นักธุรกิจเมียนมาและรัฐบาลเมียนมา เล็งเห็นว่าเป็นช่องทางการค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดในห้วงเวลานี้

ปัจจุบันผู้ประกอบการชาวเมียนมาเองมีการเตรียมความพร้อมที่จะทำการค้ากับผู้ประกอบการไทย โดยล่าสุดได้มีการพูดคุยและหารือกันระหว่างผู้ประกอบการทั้ง 2 ฝ่ายเสมอมา และมีความเห็นร่วมกันที่อยากให้รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการหารือกันออย่างจริงจังและช่วยกันผลักดันให้ด่านพระเจดีย์สามองค์ เป็นจุดผ่านแดนถาวร หรือเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าหรือการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชนของทั้งไทยและเมียนมาเอง

โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ในระดับท้องถิ่นของทั้งไทยและเมียนมาได้มีการหารือกันบริเวณชายแดน โดยทางเมียนมาได้เตรียมพัฒนาเส้นทาง ซึ่งมีโครงการปรับปรุงเส้นทางเป็นถนนคอนกรีตจากชุมชนพญาตองซู มาสิ้นสุดบริเวณชายแดนหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองของเมียนมา เพื่อรองรับการเปิดด่านฯ หากทางรัฐบาลเห็นด้วย 

ขณะที่ นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี เตรียมปรับปรุงพื้นผิวการจราจร บริเวณหน้าด่านจุดผ่อนปรนทางการท่องเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อเตรียมความพร้อม โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่จะกลับมาเปิดให้มีการนำเข้า-ส่งออกของสินค้าและประชาชน ของทั้ง 2 ประเทศในบริเวณนี้ เหมือนในอดีตที่เคยปฏิบัติก่อนปี 2550 ที่ผ่านมา

ทางด้าน นายสง่า จงเพิ่มดำรงชัย หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ศุลกากรสังขละบุรี กล่าวว่า เฉพาะการส่งออกสินค้าในช่องทางจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นไปในทิศทางที่ดี ถึงแม้จะประสบปัญหาวิกฤติโควิด-19 มูลค่าการส่งออกยังอยู่ในขั้นที่ดีอยู่ โดยพบว่าในปีงบประมาณ 2563 มูลค่าสินค้านำเข้า อยู่ที่ 69.69 ล้านบาท ส่วนสินค้าขาออก มีมูลค่า 322.96 ล้านบาท การนำเข้าและส่งออกมีมูลราคา เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วกับปีนี้ใกล้เคียงกัน โดยปี 2562 สินค้าเข้า อยู่ที่ 72.25 ล้านบาท และสินค้าขาออก อยู่ที่ 354.91 ล้านบาท 

โดยสินค้าที่ไทยส่งออกจะเป็นสินค้าประเภทสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน หากในปีนี้ถ้าไม่มีปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด มูลค่าการค้าระหว่างไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ มีแนวโน้มที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน