ธุรกิจ “พัทยา-หัวหิน” แข่งเดือด อัดอีเวนต์โค้งสุดท้ายปลายปีชิงนักท่องเที่ยวไทย

“พัทยา-หัวหิน” งัดไม้เด็ดชิงเค้กกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวไทย 2 เดือนสุดท้ายปลายปี 2563 พร้อมท้าชนโต้ลมหนาวแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเหนือ-อีสาน เฉพาะ “พัทยา” อัด 10 อีเวนต์ประชันทุกรูปแบบดนตรี-กีฬา-สุขภาพ

โดยเฉพาะ “มหกรรมการแข่งขันนกบินชิงแชมป์ประเทศไทย” ครั้งแรก เผยหากต่างชาติยังไม่เข้า รายได้ที่เคยสูงถึง 2.7 แสนล้านบาท วูบหนักแน่ ด้าน “หัวหิน-ชะอำ” รุกจับตลาดกลุ่มครอบครัว อัดอีเวนต์ 3 งานต่อเดือน พร้อมดันจัดงานกีฬา “หัวหินเซิร์ฟและสเก็ตแจม” ประเดิมครั้งแรก คาดปีนี้รายได้ลดวูบจาก 4.3 หมื่นล้าน เหลือ 2 หมื่นล้าน

นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ยังทรุดหนักจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นผู้ประกอบการภาคเอกชนหลายองค์กรในธุรกิจท่องเที่ยวจึงได้เข้าหารือกับ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ถึงการจัดกิจกรรมงานต่าง ๆ ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองพัทยา

โดยที่ประชุมได้นำปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นตัวแปรสำคัญมาร่วมพิจารณาด้วย โดยเฉพาะช่วงปลายปีเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ปกติคนไทยส่วนใหญ่นิยมไปท่องเที่ยวแถบจังหวัดภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับลมหนาว ขณะเดียวกันต้องพิจารณาในเรื่องเมืองท่องเที่ยวอื่นที่เป็นคู่แข่งสำคัญ ซึ่งมีระยะการเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก และเป็นเมืองชายทะเลมีแหล่งท่องเที่ยวคล้ายคลึงกัน

เช่น ระยอง หัวหิน และชะอำ ซึ่งต่างมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคนไทยเหมือนกัน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาคงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปจะมีการจัดกิจกรรมและอีเวนต์รวมทั้งหมด 10 รายการ

“ทุกปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 30 กว่าล้านคน ปี 2562 ที่ผ่านมา เมืองพัทยามีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวประมาณ 2.7 แสนล้านบาท ถือเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ช่วงปลายปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองพัทยาไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 คน แต่ปีนี้คาดว่ายังไม่น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากนัก ยังประเมินไม่ได้ว่าจะหายไปเท่าไหร่ ตอนนี้ทุกแหล่งท่องเที่ยวจึงมีลูกค้าเป้าหมายกลุ่มเดียวกันคือ นักท่องเที่ยวชาวไทย ดังนั้นการจัดกิจกรรมต้องให้มีความหลากหลาย และมีความน่าสนใจ”

นายพิสูจน์กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องช่วยกันวางแผนทำการประชาสัมพันธ์ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์มากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในเมืองพัทยา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs)

“ที่ผ่านมาจากการสังเกต เรื่องระบบการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัดและพื้นที่ต่าง ๆ ยังมีน้อยเกินไป จึงได้มีการเสนอว่าควรมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าเดิม อาทิ การทำทีเซอร์งานและโปรแกรมแต่ละงานให้ดูน่าสนใจ ซึ่งนายสนธยาเห็นด้วย แต่จะต้องมีการปรึกษากับทีมงานว่าจะทำออกมาแบบไหน ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์”

สำหรับกิจกรรมอีเวนต์ของเมืองพัทยาที่อยู่ในช่วงปลายปี มีทั้งหมด 10 กิจกรรม อาทิ 1.งานไทยเพลิน เดิน ชม ชิม 2.3×3 Street Basketball and Basketball Pattaya Open 2020 3.เทศกาลพลุเมืองพัทยา Pattaya Fireworks Festival 2020 4.เดินวิ่งสโมสรโรตารีภาค 3350 5.การแข่งขันกีฬาเปตองเมืองพัทยา ครั้งที่ 20 เป็นต้น

ด้านนางสาวโศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในโซนพื้นที่หัวหินจับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก อีเวนต์หรือกิจกรรมหลักโดยเฉลี่ยอยู่ประมาณ 3 งาน/เดือน

อาทิ งาน “หัวหินเซิร์ฟและสเก็ตแจม” จัดขึ้นที่ชายหาดหัวดอน เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬารูปแบบใหม่ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก งาน “หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล” เป็นงานที่เลื่อนมาจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

มีกิจกรรมของทางอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ “ของดีเมืองประจวบฯ” ในเดือนพฤศจิกายน เป็นงานแสดงสินค้าโอท็อป สินค้าชุมชน อาหารเด่นของพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรมดังกล่าวที่ว่ามาจะได้บรรยากาศริมทะเลช่วงหน้าหนาว ภายในงานจะมีนักดนตรีนักแสดงจากประเทศไทย หรือคนต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย

ถัดมาเป็นกิจกรรมเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีที่กำลังหารือกับเอกชนว่าจะทำอะไรที่เป็นกิมมิกแสดงภาพของหัวหินและพื้นที่อื่น ๆ หรือไม่

นอกจากนี้ มีการกระจายไปยังพื้นที่อื่นของจังหวัดด้วย อย่างแหล่งท่องเที่ยวชุมชน “ม้าร้องลั่นทุ่งน้อย” จาก 3 ชุมชน คือ ชุมชนบ้านม้าร้อง อ.บางสะพาน ชุมชนบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก ชุมชนอ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

สำหรับประจวบคีรีขันธ์คาดว่ากิจกรรมปลายปีจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้ประมาณ 3 แสนคน/เดือน ค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งทริปท่องเที่ยวในพื้นที่เฉลี่ย 5,000 บาท/คน โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวไว้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากช่วงปัจจุบันเป็นฤดูหนาว นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวทางภาคเหนือและภาคอีสานค่อนข้างมาก

นักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าคนไทยที่เคยมายังติดสถานการณ์โควิด-19 บางส่วนมีการสอบถามความเป็นไปได้ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย แต่จะต้องดำเนินการตาม special tourist visa (STV) ถือว่าขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไปมากพอสมควร

“เรามีกิจกรรมจัดอยู่เป็นระยะ ทั้งกิจกรรมดนตรี กิจกรรมเพื่อสุขภาพ หลัก ๆ เฉลี่ยประมาณ 3 อีเวนต์ต่อเดือน แต่ถ้ารวมหัวหินและชะอำรวมอีเวนต์ขนาดเล็ก-ใหญ่ในพื้นที่ หรือตามโรงแรมมีอยู่ทุกสัปดาห์ และที่เราอยากนำเสนอมากเลยคือ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬาและสุขภาพ ซึ่งโครงการรัฐบาลมีส่วนช่วยพอสมควร คาดว่าจะสามารถดึงมาร์เก็ตแชร์จากโซนพัทยาได้ประมาณ 30-40%”

อย่างไรก็ตาม นางสาวโศรยากล่าวต่อไปว่า รายได้รวมจากการท่องเที่ยวของประจวบคีรีขันธ์ ปี 2562 อยู่ที่ 43,000 กว่าล้านบาท ในปีนี้ลดลงไปมากกว่า 50% น่าจะเหลืออยู่แค่ 20,000 กว่าล้าน ส่วนในปีถัดไปยังไม่กล้าคาดการณ์มากนัก หวังเพียงในระยะสั้นให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ามาเที่ยวมากขึ้นก่อนเป็นอันดับแรกในช่วงปีใหม่

ด้านนายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก เปิดเผยว่า ทางผู้ประกอบการโรงแรมรอว่า รัฐบาลจะประกาศวันหยุดยาว (long weekend) อีกเมื่อไหร่ เพราะกิจกรรม อีเวนต์ของหัวหิน หรือชะอำ มักไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมากนัก และยังต้องรอดูความชัดเจนของหน่วยงานในการจัดงานต่าง ๆ

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่รายได้ของภาคโรงแรมจะมาจากงานจัดเลี้ยงหรือจัดฉลองส่วนตัวมากกว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการโรงแรมสาหัสไม่ต่ำกว่า 50% บางแห่งยังอยู่ได้ เพราะโครงการคนละครึ่งพยุงไว้ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯที่ค่าใช้จ่ายน้อย

ถึงกระนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว ค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปอย่างยุโรป สแกนดิเนเวีย ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 30% สร้างรายได้มากกว่า