เชียงรายเข้ม! สกัดคนลอบข้ามฝั่ง เร่งคุยเมียนมานำคนไทยตกค้างกลับมากักตัว

ผู้ว่าฯเชียงรายตรวจเข้ม ยันไม่ปิดด่าน พร้อมประสาน จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา นำคนไทยตกค้างกลับมากักตัว เผยพบคนไทยลักลอบข้ามไปทำงานฝั่งเมียนมาอีกเพียบ

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เรียกประชุมคณะทำงานติดตามการดำเนินงานป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ ห้องประชุมศาลากลาง จ.เชียงราย วางมาตรการหลังจากพบหญิงสาวติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.เชียงใหม่ และมีประวัติว่าได้ลักลอบข้ามพรมแดนมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เข้ามาทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พุ่งสูงถึงจำนวน 15 รายแล้ว

ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ดำเนินการหลายด้านเพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยฝ่ายทหารกองกำลังผาเมืองยังคงวางกำลังและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามแนวชายแดนตามปกติ แต่ได้มอบหมายให้ทาง พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย นำข้อมูลที่มีผู้แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมือง นำไปสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้

ที่ประชุมยังกำหนดให้ประสานงานกับทางประเทศเมียนมาให้มีการสุ่มตรวจคนขับรถบรรทุกสินค้าชาวเมียนมาที่บริเวณด่านพรมแดน หลังจากที่ผ่านมาตรวจเฉพาะคนขับรถจากฝ่งไทยเท่านั้น นอกจากนี้กำหนดให้ผู้ที่เคยมีประวัติลักลอบมาจากประเทศเมียนมาให้ไปรายงานตัวที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) และอาสาสมัคร

สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยมอบหมายให้ทางฝ่ายสาธารณสุขและฝ่ายปกครองแต่ละอำเภอรับไปดำเนินการ รวมทั้งเร่งรัดจัดตั้งศูนย์กักตัวดูอาการที่ชายแดน อ.แม่สาย และจะมีการประสานกับผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ให้ติดตามคนไทยที่ตกค้างใน จ.ท่าขี้เหล็ก เดินทางกลับมาฝั่งไทยตามช่องทางปกติ

เพราะปัจจุบันยังมีคนไทยหลายคนที่ลักลอบข้ามไปทำงานในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก เหมือนกรณีหญิงสาวที่ จ.เชียงใหม่ และเมื่อมีการระบาดของโรคกระทั่งปัจจุบันทางการเมียนมาได้สั่งปิดโรงแรมดังกล่าวชื่อว่าโรงแรมวันจีวัน ไปแล้วทำให้คนเหล่านี้จะลักลอบกลับมายังประเทศไทยด้วยช่องทางธรรมชาติเหมือนเดิมเพราะไม่กล้าเดินทางมาตามช่องทางปกติ เนื่องจากเกรงว่าจะผิดกฎหมายจากการลักลอบออกไปดังกล่าว

นายประจญกล่าวว่ายืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เฝ้าสกัดกั้นอย่างหนักแล้ว แต่มีกลุ่มคนที่เป็นขบวนการนำพาเข้ามาเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง โดยหลีกเลี่ยงการลาดตระเวน สิ่งกีดขวาง ไฟส่องสว่าง ฯลฯ อย่างกรณีหญิงสาวที่ จ.เขียงใหม่ ที่ติดเชื้อก็ใช้วิธีการนี้และมีคนนำพาเข้ามา ล่าสุดทราบว่าขบวนการนี้มีอยู่เพียงไม่กี่คนและแจ้งให้ฝ่ายตำรวจไปจัดการแล้ว

อย่างไรก็ตามชายแดนไทย-เมียนมา มีระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร และบางช่วงเป็นลำน้ำที่คับแคบ ดังนั้นจึงได้ประสานไปยังทาง จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อให้ช่วยนำพาคนไทยที่ตกค้างกลับมาตามช่องปกติแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่าในระดับจังหวัดยังไม่มีนโยบายปิดด่านพรมแดนที่เหลืออยู่เพียง 1 แห่งดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการและความเป็นอยู่ของคนชายแดนได้ แต่ก็รอดูนโยบายจากรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งต่อไป

นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย ปัจจุบัน จ.เชียงราย มีผู้มีประวัติสัมผัสกับหญิงสาวชาวเชียงใหม่ดังกล่าว จำนวน 51 ราย มีความเสี่ยงสูง 49 ราย คือคนที่พาข้ามแดนเข้ามา คนขับรถจากชายแดนไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.แม่สาย พนักงานขับรถและผู้โดยสารรถตู้จาก อ.แม่สาย ของ บขน.คันที่ 11 หมายเลขทะเบียน 10-2973 เชียงราย ออกเวลา 09.30 น.

นอกจากนี้ยังมีที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 ในเขต อ.เมืองเชียงราย ผู้โดยสารรถบัสปรับอากาศและพนักงานจากสถานีดังกล่าวไปยัง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันได้หาตัวบุคคลต่าง ๆ ดังกล่าวเจอแล้วเป็นส่วนใหญ่และเข้าสู่กระบวนการควบคุมการระบาดของโรคแล้วและหลายคนที่อยู่ระหว่างหาตัว

ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย กล่าวว่าจากการติดต่อกับหอการค้า จ.ท่าขี้เหล็ก และหารือกับหลายฝ่ายทราบว่าทางฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ไม่อยากให้มีการปิดด่านพรมแดนเพราะมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ จากฝั่งไทย และหากมีการตัดสินใจจากฝั่งไทยในการปิดด่านก็จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจการค้าชายแดนนับ 10,000 ล้านบาท เพราะจะมีผลในระยะยาว


ดังนั้นตนจึงเห็นด้วยกับทาง จ.เชียงราย ที่ใช้มาตรการคุมเข้มป้องกันการลักลอบของผู้คนแทนการปิดด่านเศรษฐกิจดังกล่าว โดยเฉพาะเป็นจุดผ่านแดนถาวรเพียงแห่งเดียวของรัฐฉานที่เชื่อมกับประเทศไทยด้วย ทั้งนี้หากว่าจะมีการดำเนินการใด ๆ ก็ต้องการให้ใช้การปรึกษาหารือกับทางฝ่ายปกครองและฝ่ายทหารระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อหาทางออกร่วมกัน