โรงแรมเหนือพลิกเกมแก้ยอดจองวูบ อัดกิจกรรม-สกรีนไวรัสสร้างความมั่นใจ

ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบ 2 ในไทย หลังพบสาวไทยหลายคนที่ข้ามไปทำงานในเมียนมาติดเชื้อโควิดแอบลักลอบกลับเข้าไทยทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่

ล่าสุดได้นำเชื้อมาแพร่ให้คนใกล้ชิดและคนนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ส่งผลให้ฤดู “ไฮซีซั่น” ของเมืองท่องเที่ยวหลักภาคเหนือร้อนระอุทันที ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ตที่กำลังจะฟื้นตัวสะดุดและถูกยกเลิกห้องพักอย่างต่อเนื่อง

เชียงใหม่อัดอีเวนต์หนุนเที่ยว

นายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จากสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ถือว่ายังไม่กระทบนัก นักท่องเที่ยวมีการยกเลิกห้องพักในสัดส่วนเพียง 2-5% เท่านั้น

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์หรือหมู่คณะ ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวตามปกติ

ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งปรับตัวและสร้างจุดขายใหม่ ๆ ให้กับเชียงใหม่ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป จะมีการเปิดเส้นทางถนนคนเดินอีก 1 จุด คือ ถนนคนเดินไนท์บาซาร์ ทุกวันศุกร์ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ กกร.เชียงใหม่ยังได้เร่งผลักดันงบประมาณ 415 ล้านบาท ที่นำเสนอโครงการผ่านพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดกิจกรรมมหกรรมพืชสวนโลกขนาดย่อม ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งหากได้รับอนุมัติงบประมาณก้อนนี้ก็คาดว่าจะสามารถจัดมหกรรมพืชสวนโลกขนาดย่อมได้ในช่วงราวเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ให้คึกคักได้มากขึ้นในปีหน้า

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ กล่าวว่าขณะที่มาตรการการควบคุมและติดตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อที่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน จังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นจึงมีความมั่นใจได้ที่จะมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่อย่างปลอดภัย

เพราะเชียงใหม่ไม่ได้ล็อกดาวน์ ผู้คนยังใช้ชีวิตตามปกติในรูปแบบ new normal ขณะเดียวกัน ก็ยังพบว่าอีเวนต์ต่าง ๆ ในเชียงใหม่ยังไม่ได้มีการยกเลิก อาทิ งาน Nap นิมมาน งานเชียงใหม่ดีไซน์วีค งานป๊อป มาร์เก็ต ซึ่งเป็นกิจกรรมช่วงไฮซีซั่นของเชียงใหม่ที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว

นางละเอียด กล่าวต่อว่า การปรับกลยุทธ์ของโรงแรมช่วงปลายปีนี้เกือบทุกโรงแรมยังคงใช้กลยุทธ์ราคาขายที่ค่อนข้างต่ำมากอยู่แล้ว อาทิ โรงแรมระดับ 5 ดาวอย่างรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ ขายห้องพักราคาสูงสุดอยู่ที่เพียง 3,000 บาท

ซึ่งลูกค้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันจะจ่ายเพียง 1,800 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 31 ธันวาคม (สิ้นปี) ทางโรงแรมยังได้เซตโปรแกรมกาล่าดินเนอร์ให้กับลูกค้าจากราคาเดิม 6,500 บาท เหลือเพียง 1,500 บาทเท่านั้น หรือโรงแรมเลอ เมอริเดียน ขายห้องพักที่ราคาเพียง 2,000 กว่าบาท แต่ลูกค้าจ่ายเพียง 1,200 บาท จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

สำหรับทิศทางปีหน้า (2564) คาดว่าในช่วงไตรมาส 1 และ 2 การท่องเที่ยวของเชียงใหม่ในภาพรวมยังคงต้องเน้นหนักที่กลุ่มตลาดคนไทยเป็นหลัก ล่าสุดภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมดได้ประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถึงการวางแผนและปรับกลยุทธ์ในปีหน้า

โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือ จะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบซีรีส์ (series) ทุกเดือนตลอด 12 เดือน เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้กับการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่

เชียงรายตั้งธงมาตรฐาน SHA

น.ส.กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย เปิดเผยว่า ทาง ททท.ร่วมกับหอการค้า จ.เชียงราย สภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงราย

จึงได้ร่วมกันจัดประชุมเพื่อให้ความรู้และเน้นย้ำมาตรการการท่องเที่ยว Amazing Thailand & Health Administration หรือมาตรฐาน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ SHA”โดยได้เชิญสมาคม เครือข่าย ชมรมต่าง ๆ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวประมาณ 100 ราย เข้าร่วมเพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญเพื่อร่วมขับเคลื่อนให้การท่องเที่ยวของเชียงรายดีขึ้นต่อไป

ด้าน นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจ.เชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในสมาคมได้เข้าร่วมในมาตรฐาน SHA จำนวนไม่น้อยกว่า 100 ราย แต่ส่วนใหญ่ผู้เข้าร่วมเป็นกิจการเกี่ยวกับที่พัก โรงแรม รีสอร์ต ฯลฯกว่า 60-70%

โดยยังไม่มีสถานบันเทิงในยามค่ำคืนเข้าร่วม ดังนั้น ในการจัดประชุมดังกล่าวจะมีการเชิญชวนให้เข้าไปร่วมด้วย ซึ่งเชื่อว่าในระยะยาวจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างแน่นอน

“ที่ผ่านมาภาคเอกชนนำโดยหอการค้า สภาอุตสาหกรรมฯ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย ได้ร่วมกันนำข้อเสนอไปยังรัฐบาลแล้วหลายข้อแต่ลักษณะเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงรับ แต่ครั้งนี้เราจะดำเนินการเชิงรุกเพื่อให้ผ่านพ้นปัญหาไปด้วยกัน

เพราะครั้งนี้ถือว่าก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงมาก เพราะในช่วงแรกได้ประเมินความเสียหายกันว่าจะอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท แต่หลังจากสถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ 7-8 วันแล้วพบว่าความเสียหายน่าจะสูงถึงระดับ 100 ล้านบาท ถ้าคำนวณไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องกัน”

นายกิตติ ทิศสกุล ที่ปรึกษาสมาคมสมาพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ และเจ้าของโรงแรมสบันงา เชียงรายกล่าวว่า ปกติช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าพักใน จ.เชียงรายอย่างน้อย 60-70% แต่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19

ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงอาจจะเหลือเพียง 30% จากห้องพักที่มีการลงทะเบียนอย่างถูกต้องใน จ.เชียงรายประมาณ 600 แห่ง มีห้องพักรวมกันประมาณ 20,000 ห้อง มีผู้ประกอบการและพนักงานรวมกันกว่า 10,000 คน

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังมั่นใจในการดำเนินการของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่สาธาณสุขที่เข้มแข็งและป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่ได้ ทำให้เชื่อว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวจะกลับมามีความมั่นใจอีกอย่างแน่นอน