“heal meee” เชนอาหารสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค New Normal

จากก้าวแรกในการทำธุรกิจเล็ก ๆ สู่การแข่งขันในตลาดอาหารสุขภาพอย่างเต็มตัว “จิรพิสิษฐ์ รุจน์เจริญ” รองประธาน YEC นครราชสีมา และเจ้าของธุรกิจอาหารสุขภาพแบรนด์ OTARU และ OEM สินค้าสุขภาพอื่น ๆ ที่กระจายขายใน health shop ทั่วประเทศ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กำลังจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่คือ heal meee เป็นแบรนด์ต่อยอดมาจากร้าน OTARU ที่ปัจจุบันมีอยู่รวม 6 สาขา ซึ่งในช่วงเกิดโควิด-19 ได้ชะลอตัวไป

 

จึงนำแนวคิดมาสร้างโครงการ “Health me เพราะชีวิตขับเคลื่อนด้วยสุขภาพ” มาประกวด YEC Pitching : New Normal Business Transformation ปรับ business model เพื่อโอกาสใหม่และการอยู่รอด ประจำปี 2563 ที่ผ่านมาจนได้รับรางวัลชนะเลิศ

โครงการดังกล่าวเป็นแอปพลิเคชั่นการจัดการอาหารเพื่อคนรักสุขภาพ ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ โดยนักโภชนาการทางด้านอาหารให้เฉพาะเหมาะสมกับแต่ละบุคคล สอดคล้องกันกับ heal meee โดยจะเปิดตัวแอปพลิเคชั่นในวันที่ 15 มกราคม 2564 และเปิดตัวแบรนด์ใหม่สาขาแรกอย่างเป็นทางการวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้า

“เดิมเคยเข้าประกวด YEC Pitching แล้วในปี 2562 ในการจัดการขยะในจังหวัดนครราชสีมา และได้รางวัล popular vote ไป แต่ครั้งนี้กลับมาในโมเดลแนวคิดของธุรกิจตัวเองที่รู้และมีความเข้าใจเรื่องของตลาดอาหารสุขภาพมากขึ้น ได้มีที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมต่าง ๆ เข้ามาช่วย จนตอบโจทย์ตามหัวข้อได้ในที่สุด”

“จิรพิสิษฐ์” บอกว่า การสร้างแบรนด์ heal meee มีคอนเซ็ปต์ชัดเจน เรียกได้ว่าเติบโตจากการทำร้าน OTARU มากขึ้น ในช่วงโควิดที่ผ่านมาร้านอาหารสาขาล่าสุดซึ่งได้ทำเป็น concept land mark ที่ airplane park มีทั้งสถานที่จัดงานและแปลงเกษตรบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ เจอปัญหาลูกค้าไม่สามารถนั่งทานอาหารที่ร้านได้ แต่ช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์กลับโตขึ้น 3 เท่า

จึงต้องกลับมาคิดทบทวนแผนธุรกิจและได้ brand concept ที่ตอบโจทย์ยุคสมัยมากขึ้น โดยได้ที่ปรึกษาเป็นอดีตผู้บริหาร Minor Group/Yum Restaurants ที่มีเชนร้านอาหารไทยในเนเธอร์แลนด์มาช่วยวางระบบอีกด้วย

ฉะนั้น จากเดิมที่เคยคิดขยายสาขา OTARU ไปเรื่อย ๆ จึงหันมาปรับแผนใหม่ซึ่งใช้เงินทุนน้อยกว่า ขยายได้เร็วกว่า เข้าถึงง่ายกว่า ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น สิ่งสำคัญอีกอย่างคือมี partner ธุรกิจและระบบบริหารจัดการที่ดี นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพยังลดภาระที่ไม่จำเป็นได้

สำหรับ heal meee จะเป็นรูปแบบของเชนเรสเตอรองต์หรือเป็นรูปแบบอินเตอร์แบรนด์ QSR (quick service restaurant) เป็นร้านอาหารระบบควิกเซอร์วิสที่ใช้คนน้อย ระบบมาตรฐานคล้ายกับ interbrand อย่าง KFC, MC, CI ภาพลักษณ์ของแบรนด์ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคว่านอกจากอาหารจะอร่อยและสุขภาพดีแล้วนั้น ยังมีความสนุก หลากหลาย

ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่สนุก เมนูอาหารทั้งหมดผ่านการคิดค้นพัฒนาโดยนักโภชนาการอาหาร foodscience ร่วมกับเชฟ คงความอร่อยและคงคุณค่าทางอาหารไว้มากที่สุด และต้องปลอดสารพิษด้วย

“สำหรับวัตถุดิบเราได้มีการพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ไว้ 2-3 รายตั้งต้นไว้อันดับแรกเป็นเกษตรกรภายในจังหวัดนครราชสีมา แต่ต้องผ่านมาตรฐานตามที่ได้กำหนดไว้ นอกจากนี้ heal meee จะมีสินค้าจากเกษตรกรเข้ามาขายในร้านด้วย เป็นการส่งเสริมรายได้ชุมชน รวมถึงสินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ที่ขาดช่องทางการจัดจำหน่ายมาฝากขาย”

โดยตั้งเป้าหมายเปิดตัว heal meee ในปี 2564 ไว้ว่าจะเปิดให้ได้รวม 10-20 สาขา เฉลี่ย 1-2 สาขา/เดือน งบประมาณ 2-3 ล้านบาท/สาขา ลดทุนลงจากร้านอาหารเดิมเกือบ 3 เท่า

แถมคืนทุนเร็วกว่าเบื้องต้นจะสามารถคืนทุนภายใน 2 ปี ยอดขายหรือผลประกอบการ 1-2 ล้านบาท/สาขา/ปี หรือประมาณ 200-300 ล้านบาทภายใน 2 ปีหากเปิดครบทุกสาขาพร้อมกัน

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย และทยอยกระจายสาขาไปตามหัวเมืองหลักทั่วประเทศด้วยตัวเองก่อนที่จะหา partner หรือแฟรนไชส์ เบื้องต้นมีอยู่ 3 ไซซ์ ราคาเริ่มที่ 1-3 ล้านบาทรวมระบบทุกอย่างพร้อมขาย หลังจากนั้น 3 ปีจะวางแผนทดลองตลาดต่างประเทศในอาเซียนต่อไป

“จิรพิสิษฐ์” แนะสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ว่า ต้องรู้ว่าตัวเองเก่งอะไรไม่เก่งอะไร แล้วจะหาคำตอบอย่างไรก่อนเริ่มทำธุรกิจ สิ่งสำคัญคือจะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ภาพธุรกิจชัดขึ้น

“หลักสำคัญที่ผมใช้กับตัวเองในการบริหารธุรกิจให้ได้ผลคือ S-O-C ตัวแรก S หรือ survey คือการสำรวจตัวเอง ถามตัวเราเองก่อนว่าตัวเราต้องการอะไร ขาดเรื่องอะไร จะทำอันนี้ต้องรู้อะไรบ้าง เตรียมตัวยังไง

O หรือ opportunity คือมองหาโอกาสที่เราจะสามารถต่อยอดได้ เรามีอะไร เราจะหาโอกาสให้ตัวเองยังไง ทำตัวเองให้เปล่งประกายพอที่จะให้คนอื่นเห็น

แล้วก็ไป C ตัวสุดท้ายคือ connect the dots เมื่อจุดแต่ละจุดมีความสว่างในตัวของตัวเอง เราต้องรู้ว่าเราจะไปเชื่อมจุดกับใครเป็น partner กับใครที่เขาและเราจะเติบโตไปด้วยกัน”