กระแสการท่องเที่ยวในประเทศไทยกำลังกลับมาคึกคัก หลายพื้นที่ได้รับอานิสงส์จากวันหยุดยาว ที่จังหวัดยะลา “เมืองเบตง” ก็นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในภาคใต้ตอนล่างรองจากนครศรีธรรมราช พัทลุง
ตัวเลขนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ต่างจากพื้นที่หาดใหญ่ในจังหวัดสงขลาที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้
- ส่องพอร์ตหุ้นไทย “ดร.นิเวศน์-ครอบครัว” 5.6 พันล้าน ปี’66 ได้ปันผลกี่บาท
- เปิด 10 อันดับ สายงานราชการที่จะเกษียณอายุมากสุดในระยะสิบปี
- โปรดเกล้าฯ แบ่งส่วนราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ มีผลแล้ววันนี้
“จรูญ แก้ววจีทรัพย์” กรรมการผู้จัดการบริษัท หาดทองการท่องเที่ยว จำกัด ผู้บริหารโรงแรมหาดทองรีสอร์ท จ.พัทลุง และที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวในภาคใต้เริ่มกระเตื้องขึ้นมาเป็นลำดับจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ เริ่มจากจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง
และจังหวัดยะลา โดยเฉพาะเมืองเบตงที่มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาวประมาณ 5,000-12,000 คน/วัน ขณะที่วันปกติอยู่ที่ 800-1,500 คน/วัน
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่มาจากกรุงเทพฯจะลงสนามบินอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แล้วเช่ารถมา ส่วนนักท่องเที่ยวจากจังหวัดใกล้เคียงจะนิยมใช้รถส่วนตัวเดินทางมาเอง ถ้าหากมีการเปิดใช้สนามบินเบตงคาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวบินมาจากกรุงเทพฯและเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น
เพราะแต่ละเที่ยวบินจุคนได้ไม่ต่ำกว่า 70-80 ที่นั่ง ถ้ามีมา 2 เที่ยวบินต่อวันจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 150 คน/วัน เฉลี่ย 4,500 คน/เดือน มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท/เดือน ซึ่งรัฐบาลน่าจะพิจารณาเปิดสนามบินเบตงเพราะจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในทันที ธุรกิจการท่องเที่ยวจะไปได้ด้วยดีแม้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะยังเข้ามาไม่ได้
“จรูญ” กล่าวเพิ่มเติมว่า การท่องเที่ยวได้ก้าวเข้าใกล้จุดที่จะกลับมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว อย่างจังหวัดพัทลุงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวในประเทศเฉลี่ย 100,000 คน/เดือน จากช่วงปกติก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 1.8 ล้านคน-2 ล้านคน/ปี
โดยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียง 1% เท่านั้น ขณะที่ภาพรวมการใช้จ่ายต่อคนในการท่องเที่ยวประมาณ 800 บาท/วัน หรือประมาณ 80 ล้านบาท/เดือน
“อยากเสนอความคิดเห็นไปยังรัฐบาลว่า การท่องเที่ยวในภาคใต้ตอนล่างน่าจะมีการออกแบบจับคู่การท่องเที่ยวโดยให้บริษัทผู้ประกอบการนำเที่ยว 2 ประเทศ คือไทย-มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มข้น
หรือเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวผ่านด่านชายแดนที่มีการควบคุมอย่างเข้มข้นเช่นกัน เพราะคาดว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ธุรกิจการค้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนให้ดีขึ้นได้”
“ทรงชัย มุ่งประสิทธิ์ชัย” นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา เจ้าของ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดนิวเอเชียทัวร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของภาคใต้ใน 7 จังหวัดเริ่มดีขึ้นพอสมควรหลังจากมีวันหยุดยาว
และมีสกายวอล์กเป็นแลนด์มาร์กชูภาพธรรมชาติใน อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งสภาพอากาศดี โรงแรมที่พักราคาถูกและมีอาหารอร่อย ทำให้นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาเที่ยวมากพอสมควร
“ในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในเบตงเริ่มฟื้นตัว ธุรกิจการค้าเริ่มดีขึ้น ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมรองจาก จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัดจะเข้า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาเป็นอันดับแรก
เพราะหาดใหญ่คือประตูสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นศูนย์กลางธุรกิจการท่องเที่ยว ศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า การเงิน แต่หาดใหญ่เสมือนเป็นแค่ทางผ่าน นักท่องเที่ยวคนไทยที่เคยมาเที่ยวในสัดส่วนประมาณ 30% หายไปหมดถึงจะมีกิจกรรมการท่องเที่ยวของรัฐบาลมาช่วยสนับสนุนวันหยุดยาวก็ยังเงียบ ยกเว้นแต่มีงานประชุมสัมมนาเท่านั้น”
“ทรงชัย” บอกว่า ปกติการท่องเที่ยวหาดใหญ่จะพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 2 ประเทศเป็นหลัก คือ มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวหายไป 100% กินระยะเวลามานานมากกว่า 10 เดือนแล้ว สมาชิกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลากว่า 30 รายมีข้อมูลตรงกันว่า
ตามปกติก่อนช่วงโควิด-19 มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 50,000 บาท/ราย/วัน ภาพรวมประมาณ 45 ล้านบาท/เดือน แต่พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทุกคนต้องทบทวนกระบวการต่าง ๆ ใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ ทางสมาคมได้หารือกันว่าจะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการท่องเที่ยวหันมาพึ่งพานักท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 60% และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 40%