เอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ พัทยามุ่งสู่แฟมิลี่เดสติเนชั่น

สัมภาษณ์

หลังจากขึ้นรับตำแหน่งนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เมื่อช่วงกลางปี 2560 ที่ผ่านมา “เอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์” ที่สวมหมวกอีกใบเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รับตำแหน่งปุ๊บก็เดินเครื่องลุยงานทันที โดยมีภารกิจหลัก คือ เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างภาคธุรกิจกับภาครัฐให้มาเจอกัน โดยเฉพาะการส่งต่อข้อกังวลของภาคธุรกิจสู่ภาครัฐ ซึ่งย้ำว่าขณะนี้ “มีหลายเรื่องมาก”

เอกสิทธิ์อธิบายว่า ปัจจุบันเมืองพัทยามีหลายเรื่องที่ต้องเร่งมือเพื่อรองรับการเป็นฮับการท่องเที่ยวอีอีซี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโรงแรมเถื่อนที่ขณะนี้ยังเป็นปัญหา ตัวเลขของ ททท.ระบุว่า พัทยามีห้องพักประมาณ 1 แสนกว่าห้อง แต่ความเป็นจริงเกินกว่านั้น ซึ่งกลุ่มที่ยังผิด พ.ร.บ.โรงแรม มีความต้องการขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่ติดระเบียบและสิ่งแวดล้อม ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้

“ต้องยอมรับว่าพัทยาช่วงแรกโตมาแบบไร้ทิศทาง เนื่องจากกฎระเบียบไม่เข้มขนาดนี้ โรงแรมก็ทำธุรกิจมาได้ด้วยความไม่รู้ ล่าสุดสมาคมอยู่ระหว่างผลักดันหาทางออก อยากขอให้ภาครัฐพิจารณาเปิดโอกาสให้กลุ่มนี้เข้ามาในระบบ จะทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้นมาก ไม่อย่างนั้นปัญหาจะไม่สามารถแก้ได้ ภาครัฐจะไม่มีสถิติห้องพักแน่นอน รัฐเสียรายได้ การแข่งขันในตลาดมันก็บิดเบือน กระทบเป็นลูกโซ่”

เอกสิทธิ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่เมืองท่องเที่ยวต้องการมากที่สุด คือ ระบบการขนส่งจราจรสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนักท่องเที่ยว แต่เพื่อประชาชนในเมืองพัทยาด้วย

ทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องใช้มอเตอร์ไซค์และรถสองแถว ยังไม่ได้รับความสะดวกสบาย ขณะที่ความเจริญอย่างแหลมฉบังเฟส 3 กำลังจะเกิดขึ้น กลับเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะจะกลายเป็นอุตสาหกรรมล้อมเมืองพัทยา ในแง่การพัฒนาถือว่าดี แต่มีผลกระทบตามมาอีกมาก หากไม่มีการเตรียมพร้อม อาทิ ด้านโลจิสติกส์ ระบบขนส่ง เมื่อท่าเรือเพิ่ม ตู้คอนเทนเนอร์จะเยอะขึ้น

คำถาม คือ ระบบรางมารองรับได้หรือยัง หากยังไม่ได้ แต่การขนส่งทางเรือเพิ่มสูงขึ้น จะมีผลกระทบต่อเนื่องแน่นอน คือ จราจรติด การขนส่ง ระบบสิ่งแวดล้อมก็ไม่ดีตาม ยิ่งสนามบินอู่ตะเภาที่กำลังจะเกิด รถไฟไฮสปีดเทรนกำลังจะมา แต่พัทยายังไม่มีระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงที่ดีจะทำอย่างไร

“วันนี้สมาคมได้พูดคุยกับผู้บริหารเมืองพัทยา ผ่านทางคณะสภาเมืองพัทยาว่า จะต้องผลักดันปรับปรุงจัดระเบียบ เริ่มต้นที่จัดระเบียบรถสองแถว ตั้งแต่เรื่องราคาและสายรถที่จะวิ่ง เนื่องจากทุกวันนี้สองแถวจะมีปัญหาว่าไม่วิ่งตามเส้นทาง หลายคันนำไปทำเป็นรถเหมา เราต้องแก้ปัญหาตรงนี้”

นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา บอกอีกว่า ตอนนี้ตลาดท่องเที่ยวพัทยาเราเน้นการเป็นแฟมิลี่เดสติเนชั่น และสปอร์ตทัวริซึ่ม ถือเป็นภาพลักษณ์ใหญ่ของเมืองพัทยา จากเดิมคือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ อาทิ เที่ยวกลางคืนก็ยังมีวอล์กกิ้งสตรีตที่ยังมีเสน่ห์ แถมจัดระเบียบดีขึ้น ความปลอดภัยสูงขึ้น แต่จะเป็นส่วนประกอบของพัทยาที่วันนี้มีตลาดหลากหลายมากขึ้น ทั้งสวนน้ำ มิวเซียม สวนนงนุช ตลาดน้ำสี่ภาค รวมถึงเมืองใกล้เคียงพัทยา

“ตอนนี้กิจกรรมที่พัทยาทุกคนทำร่วมกันได้หมด เพราะเราใช้แหล่งท่องเที่ยวบวกกับทะเลและที่พัก ดึงดูดนักท่องเที่ยว อย่างฮาร์เบอร์มอลล์ ก็เป็นสวนสนุกสำหรับเด็กทั้งห้าง และมีกิจกรรมกีฬาอยู่ในนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจหลาย ๆ แห่ง ก็มองไปในภาพเดียวกันว่า พัทยาไม่ได้มีเหมือนเดิมแล้ว กลุ่มมาใหม่ก็คือกลุ่มครอบครัว ฉะนั้นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาก หรือหากจะเที่ยวทะเลใกล้ ๆ ก็ยังมีเกาะล้าน หรือสัตหีบที่มีเพาะพันธุ์เต่า มีเรือรบให้ชม รวมถึง อพท.ที่เข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่วิถีชุมชน เช่น ชากแง้วให้เป็นตลาดจีนทุกวันเสาร์ นอกจากนี้ยังมีไปทำที่ตะเคียนเตี้ยเกี่ยวกับเส้นทางมะพร้าวและนาข้าว คือ พัทยาวันนี้ความหลากหลายมันเยอะขึ้น และรองรับได้ทุกตลาด”

ปฏิเสธไม่ได้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติหลักของพัทยาในปัจจุบัน คือ ชาวจีน แต่ข้อมูลจากการร่วมประชุมกับ ททท. พบว่า ชาวจีน 1,200 ล้านคน เดินทางนอกประเทศ 120 ล้านคน แต่มาประเทศไทยไม่ถึง 10 ล้านคน แล้วอีก 100 ล้านคนไปอยู่ประเทศไหน ก็เลยอยากจะให้กลับมาศึกษาว่าคนจีนที่เหลือไปประเทศไหน แล้วเขาไปทำไม ซึ่งคนจีนไปญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะ เพราะความสุภาพอ่อนโยนของคนญี่ปุ่น ซึ่งของไทยก็มี ไทยลืมไปหรือเปล่าว่ามีตรงนั้นเกิดขึ้น ก็อาจจะใช้ตัวนั้นในการดึงคนจีนกลับเข้ามา หรือการบริการที่ดีขึ้น

ในที่ประชุมมีนักวิจัยคนหนึ่งบอกว่า ให้เลิกศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยได้แล้ว ให้ศึกษานักท่องเที่ยวจีนที่ไปประเทศอื่น แล้วนำตรงนั้นมาใช้กับประเทศไทย ซึ่งจะเป็นมุมมองที่ดีกว่าที่เอาแต่ว่านักท่องเที่ยว หรือหาวิธีดึงตลาดบนจะทำอย่างไร

“ทุกวันนี้มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เกิดขึ้นมาค่อนข้างเยอะ ในประเทศเพื่อนบ้านนะ ขณะที่พัทยายังขาดการพัฒนาแบบต่อเนื่อง พัทยาเหมือนกินบุญเก่าไปเรื่อย ๆ ลูกค้าก็เป็นลูกค้าหน้าใหม่เข้ามา ลูกค้าที่มาซ้ำก็มีแต่ไม่เยอะมาก ฉะนั้นอย่างที่บอก ปัญหามันมี ทุกคนก็ช่วยกันพยุง แต่ถ้ามันไม่ได้รับนโยบายที่ลงมาช่วยเหลือกันจริง ๆ มันก็จะยาก”

จึงเป็นเรื่องท้าทายว่าการขับเคลื่อนเมืองพัทยาทั้งภาครัฐและเอกชน จะปรับปรุง พัฒนาได้มากน้อยแค่ไหน หากทำได้จริงเมืองพัทยาจะยังครองตำแหน่งแชมป์ความนิยมจากนักท่องเที่ยวไปอีกนาน