ฝุ่นควันภาคเหนือตอนบนรุนแรงหนัก “เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-ตาก” PM 2.5 พุ่ง

บก.คฟป.ทภ.3 สน.รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ พบ 3 จังหวัดต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากปริมาณฝุ่นควันเริ่มส่งผลต่อสุขภาพ ขณะที่ เฮลิคอปเตอร์ ปภ. KA-32 บินทิ้งน้ำ 42 เที่ยวบินปริมาณน้ำ 84,000 ลิตร ใช้ชั่วโมงการบินแล้วกว่า 26 ชั่วโมง

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากการรายงายของกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า (บก.คฟป.ทภ.3 สน.) พบว่า ช่วงนี้ลักษณะอากาศทั่วไปบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางยังคงปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน

ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศหนาว ส่งผลต่อการสะสมของฝุ่นละอองและหมอกควันมากขึ้น ซึ่งบางพื้นที่ยังมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่ช่วงของการหยุดเผาในเดือน มีนาคม

โดยเช้าวันนี้ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ พบ PM 2.5 เฉลี่ยนอยู่ระหว่าง 32 – 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 48 – 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่าAQI ระหว่าง 46 – 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ ดี ถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ,ต.จองคำ อ.เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ ต.แม่ปะ อ.เมือง จังหวัดตาก พบมีค่า PM 2.5 ค่า PM 10 และ ค่าAQI อยู่ในระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ

สำหรับจุดความร้อนสะสม 17 จังหวัดภาคเหนือ จากจำนวน Hotspot (ดาวเทียมระบบ VIIRS) จำนวน 666 จุด โดยเฉพาะใน พื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 387 จุด พื้นที่ป่าสงวนฯ จำนวน 240 จุด และเขต สปก. จำนวน 19 จุด

พันโท มนต์ศักดิ์ ประเสริฐสังข์ ครูการบิน โรงเรียนการบินทหารบก ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้า นักบิน เฮลิคอปเตอร์งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แบบ 32 (ฮ.ปภ.32) เปิดเผยว่า ในห้วงวันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เฮลิคอปเตอร์งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แบบ 32 (ฮ.ปภ.32) ปฏิบัติการบินเพื่อควบคุมไฟป่าในพื้นที่ตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 42 เที่ยวบิน ปริมาณน้ำ 84,000 ลิตร ชั่วโมงการบินของอากาศยาน จำนวน 26 ชั่วโมง 30 นาที