“ตลาดบ้านล้านหลัง” อุดรฯวูบ คนไร้อารมณ์ซื้อ-ลุ้นฟื้นปีหน้า

โควิดระลอกใหม่ทำ “ตลาดบ้านล้านหลัง” เมืองอุดรวูบ “กรีน เมโทร-ก่อการดี คอนสตรัคชั่น” ผู้ประกอบการอสังหาฯท้องถิ่นชี้คนไม่มีอารมณ์อยากซื้อบ้านทำอุดรฯมีบ้านเหลือขายกว่า 3,000 ยูนิต คาดตลาดอสังหาฯภาคอีสานเริ่มฟื้นหลังวัคซีนมา หรือยาวไปต้นปี 2565

นายวิชัย ประเสริฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท กรีน เมโทร จำกัด ผู้พัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการดิ เอ็นทรีโอ จังหวัดอุดรธานี หนึ่งในผู้ดำเนินการก่อสร้างโครงการบ้านล้านหลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุดรธานีปัจจุบันกำลังซื้อชะลอตัว

โดยส่วนตัวมองว่ายังมีกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าซึ่งต้องการมีบ้าน เพียงแต่ลูกค้ายังไม่มีอารมณ์อยากซื้อบ้านตอนนี้ด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง โดยเฉพาะสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่ากว่าอารมณ์ความต้องการซื้อบ้านจะกลับมาคงหลังจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาในประเทศไทย และได้เริ่มการฉีดกันไปส่วนหนึ่งในช่วงกลางปีนี้ หรือจะกลับมา 100% ในต้นปี 2565 ทำให้ตอนนี้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในอุดรธานีคาดว่ามีบ้านเหลือขายกว่า 3,000 ยูนิต หรือใกล้เคียง

“มีกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อ แต่ไม่อยากซื้อ ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคเวลาซื้อบ้าน จะพิจารณาปัจจัย 2 อย่าง อันดับแรกคือ ทำเล และอันดับ 2 ชอบบ้าน ซึ่งไม่มีในกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีอารมณ์ซื้อ

แตกต่างจากลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ ปกติช่วงไตรมาสแรก หรือต้นปี จะเป็นช่วงฤดูขายลูกค้ามีกำลังซื้อ แต่ปีนี้เงียบ แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ที่ลูกค้ายังมีเงิน และอยากซื้อบ้าน ซึ่งสถานการณ์นี้ คาดว่ากว่าอารมณ์การซื้อบ้านจะกลับมา คงจะหลังวัคซีนป้องกันโควิด-19 มา”

นายวิชัยกล่าวต่อไปว่า ส่วนความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการบ้านล้านหลัง จำนวน 1,200 ยูนิต ใน 6 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะนี้เฟสแรกใช้ชื่อ “โครงการดิ เอนทรีโอ” ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น เฟสแรก จำนวน 170 หลัง ตั้งอยู่ อ.เมืองอุดรธานี ขายได้หมดแล้ว

ยังมีเฟส 2 เป็นทาวน์โฮมเช่นกันที่ อ.เมืองอุดรธานี อีก 150 หลัง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนเฟส 3 ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นโครงการทาวน์โฮมขนาดใหญ่อีก 400 ยูนิต อยู่ระหว่างการก่อสร้างเช่นกัน ส่วนโครงการที่จังหวัดนครราชสีมา ประมาณ 500 กว่าหลัง รอการก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2564

เนื่องจากติดปัญหาคนยังไม่พร้อม และการควบคุมให้อยู่ในงบประมาณ เพราะต้องรักษาคุณภาพและราคา ซึ่งการไปลงทุนแต่ละจังหวัดจะมีนักธุรกิจในท้องถิ่นให้ความสนใจอยากมาร่วมทุนด้วยก็มี

“กลยุทธ์ทางการตลาดที่จะทำให้ดึงดูดใจลูกค้าให้กลับมามีอารมณ์ซื้อบ้านในช่วงนี้ จะมีการติดตั้งระบบสมาร์ทโฮมคือ สามารถสั่งเปิด-ปิด ไฟในบ้านจากสมาร์ทโฟน จะมีทุกแบบบ้าน ซึ่งแต่เดิมจะอยู่ในบ้านราคาสูง พร้อมเตรียมจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2564” นายวิชัยกล่าว

นายเจริญ สนทนา ประธานกรรมการบริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก่อการดี คอนสตรัคชั่น จังหวัดอุดรธานี เจ้าของโครงการ “Perfect Town” อุดรธานี หนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ในทำนองเดียวกันว่า

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภค ทำให้ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุดรธานีมียอดขายชะลอตัว คาดว่ากลางปี 2564 ยอดขายน่าจะฟื้นตัวกลับมา

โดยโครงการ Perfect Town อุดรธานี แบ่งเป็น 3 เฟส ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ได้แก่ เฟส 1 ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 37 ยูนิต เป็นทาวน์โฮมชั้นเดียว สไตล์โมเดิร์น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 1 คัน ปัจจุบันเฟส 1 ปิดการขายไปแล้ว ส่วนเฟส 2 เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

จำนวน 30 ยูนิต สไตล์โมเดิร์น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน และเฟส 3 เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคา 3 ล้านต้น ๆ จำนวน 13 ยูนิต สไตล์ทรอปิคอล4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน ทั้งนี้ ตามแผนโครงการในเฟส2 และเฟส 3 คาดการณ์ว่าจะปิดการขายโครงการที่เหลือได้ภายในสิ้นปี 2564

“สำหรับโครงการ Perfect Town อุดรธานี เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่ไม่แพงนัก มีกำลังพอที่จะผ่อนได้ ราคาผ่อนถูกกว่าเช่า” โครงการ PerfectTown อุดรธานี ตั้งอยู่ซอยคุณารักษ์ เป็นซอยข้างห้างบิ๊กซี อุดรธานี (สันตพล)

ห่างจากด้านหลังบิ๊กซีเพียง 200 เมตร และอยู่ด้านหลังสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อุดรธานี 2 ใกล้ถนนใหญ่เพียง 100 เมตร คือ ถนนเลี่ยงเมือง ห่างจากใจกลางเมืองอุดรธานีเพียง 4 กิโลเมตร

ที่สำคัญตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ที่ดินผืนนี้ถือว่าเป็นทำเลทองที่เคยมีเจ้าของโครงการบ้านราคาระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป มาทาบทามที่จะซื้อที่ดินตรงนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าบ้านราคาแพงจะขายยากในยุคปัจจุบัน

จึงนำมาพัฒนาเองเพื่อทำบ้านราคาถูกให้คนมีกำลังพอซื้อได้” นายเจริญกล่าว