“ทรีมันนี่” ปักธงเข้าตลาดหุ้น รุกเปิดพิโกไฟแนนซ์ 147 สาขา 42 จังหวัด

การสืบทอดกิจการธุรกิจ “ปล่อยเงินกู้” ตั้งแต่รุ่นแม่เมื่อครั้งให้เกษตรกร ชาวบ้าน หยิบยืมเพื่อไปหล่อเลี้ยงชีวิต เปลี่ยนแปลงมาสู่ธุรกิจ “พิโกไฟแนนซ์” และเตรียมก้าวเข้าสู่การระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) “ไชยวัฒน์ อึงสวัสดิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรีมันนี่ จำกัด

ผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นี่คือธุรกิจของครอบครัวจากรุ่นแม่จนมาถึงรุ่นตัวเองที่ยังอยากช่วยเหลือคนระดับฐานราก เพราะเห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมสูงเกินไปจากปัญหาของคนที่ต้องมากู้ยืมเงิน และคนกลุ่มนี้มีอยู่กว่า 70% ของประเทศ

ตั้งเป้า 147 สาขา 42 จังหวัด

“ไชยวัฒน์” เล่าว่า หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในพื้นที่ภาคตะวันออก แม้บรรยากาศของโรงงานอุตสาหกรรมยังเปิดทำการปกติ ร้านอาหารเริ่มกลับมาเปิดกิจการ แต่การจัดกิจกรรมหรืออีเวนต์ยังไม่สามารถทำได้

ผู้ประกอบการหรือคนที่ร่วมโครงการไทยชนะ ใช้โครงการคนละครึ่ง ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้แอปพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์จะได้รับผลประโยชน์มากในช่วงนี้ การซื้อขายสินค้าผ่านโครงการรัฐบาลคึกคักมาก ขณะเดียวกันกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากกลับแย่ลง เพราะการช่วยเหลือของรัฐบาลเข้าไม่ถึงคนกลุ่มนี้ และถูกเพิกเฉยจากรัฐบาลโดยตรง

ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก แรงงานแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มมีงานประจำที่ยังประคองตัวได้ และกลุ่มลูกจ้างรายวันที่อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ผู้ที่มีความรู้เข้าถึงเทคโนโลยีจะได้ผลประโยชน์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มมีงานประจำหรือกลุ่มคนระดับกลาง ส่วนคนไม่รู้เรื่องราวจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ

เรียกได้ว่าเงินช่วยเหลือไม่ถึงคนจนหรือคนระดับฐานราก โดยเฉพาะลูกจ้างรายวันในโรงงานค่าแรง 320 บาทต่อวัน ที่ไม่มีแม้เงินซื้อสมาร์ทโฟนด้วยซ้ำ และคนกลุ่มนี้จะกู้เงินและกระจายเงินออกไปได้ง่าย ทั้งกู้เพื่อส่งให้ทางบ้านไปทำเกษตร ใช้จ่ายในครอบครัว โดยแนวคิดในการบริหารธุรกิจของทรีมันนี่ เพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มนี้มากกว่าแสวงหาผลกำไรให้ตัวเอง 100%

“ตอนนี้ผู้ใช้บริการเริ่มรู้จักบริษัทเราและชื่อเริ่มติดหูมากขึ้น เพราะคนที่มากู้ไปแล้วกู้ได้จริงแบบตรงไปตรงมา ดอกเบี้ยถูกกว่าเงินกู้นอกระบบมาก มีการบอกต่อแบบปากต่อปาก และเราเปิดบริการทุกวันจนถึงตอนเย็น

พร้อมมีเจ้าหน้าที่รอลูกค้าในโรงงานอุตสาหกรรมที่โทร.มานัดไว้ด้วย ส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นที่ไม่ใช่พนักงานโรงงานที่ใช้เงินเดือนค้ำประกัน ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจจะไม่ค่อยมีเข้ามากู้ยืม เพราะกลุ่มนี้เรารับโฉนดที่ดินเป็นหลักประกันเท่านั้น และจะปล่อยให้กู้ค่อนข้างยาก เนื่องจากวัตถุประสงค์ของบริษัทต้องการกระจายเงินไปอุ้มบุคคล ครอบครัวของแต่ละคนไม่ใช่อุ้มธุรกิจใหญ่”

ปัจจุบัน บริษัท ทรีมันนี่ จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นพิโกไฟแนนซ์ หรือธุรกิจสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ รวมบริษัทสาขาอยู่ที่ 18 บริษัท แบ่งเป็นในจังหวัดฉะเชิงเทราทั้งหมด 3 บริษัท จังหวัดชลบุรี 3 บริษัท จังหวัดระยอง 3 บริษัท จังหวัดปราจีนบุรี 3 บริษัท จังหวัดสมุทรปราการ 3 บริษัท อยู่ในกรุงเทพฯอีก 3 บริษัท พร้อมมีอีก 7 จุดบริการลูกค้าใน 6 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง สมุทรปราการ กรุงเทพฯ และชลบุรี 2 แห่ง

ในปีนี้มีแผนขยายจุดบริการเพิ่มอีก 2 แห่งที่มาบตาพุด จ.ระยอง และพื้นที่ระหว่างอ่าวอุดมกับอมตะนคร จ.ชลบุรี นอกจากนี้ ได้วางแผนระยะยาวไว้ว่าจะขยายสาขาให้บริการรวม 147 สาขา ไปตามแผนในพื้นที่เส้นทางโรงงานอุตสาหกรรมใน 42 จังหวัด ทั้งปทุมธานี สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี เป็นต้น

เตรียมเข้าตลาดหุ้นปี’66

“ไชยวัฒน์” บอกว่า ได้ตั้งเป้าเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเริ่มวางแผนมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งได้เตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว แต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบและต้องหยุดปล่อยสินเชื่อไป แต่การปล่อยกู้ของบริษัทในปี 2563 รวมแล้วประมาณ 200 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) หรือหนี้เสีย ประมาณ 11% คิดเป็นจำนวน 14 ล้านบาท กำไรที่ได้มาก็เหลือมากกว่า 14 ล้านบาท

สำหรับปี 2564 ตั้งเป้าปล่อยกู้เพิ่มอีก 400 ล้านบาท รวมจากเดิมเป็น 600 ล้านบาท ซึ่งรูปแบบการปล่อยสินเชื่อใช้ระยะเวลา 10 เดือน/ปี เฉลี่ย 10 ล้านบาท/สัปดาห์ หรือ 40 ล้านบาทต่อเดือน มี NPL ค้างชำระหรือคงค้างไว้ปกติเฉลี่ย 1% ต่อเดือน รายได้ของบริษัทหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือ 30% ต่อปี ผ่านหลักเกณฑ์ของการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคุ้มค่ากับการลงทุนและยังสามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง

“เราเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปี 2566 และจะเริ่มใช้งบการเงินตามมาตรฐานทางบัญชีในปี 2564-2565 ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท ทรีมันนี่ โฮลดิ้ง จำกัด’ ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในกิจการเพื่อให้บริการสินเชื่อเงินกู้ยืมส่วนบุคคลในบริษัท ทรีมันนี่ ที่ปล่อยสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้งหมด 18 สาขาในจังหวัดภาคตะวันออกและภาคกลาง โดยมีบริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนและเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 30% และจะทำการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯตามข้อบังคับเพียง 25% เท่านั้น”

โดยเป้าหมายของการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งใจเป็นตัวกลางให้คนมาลงทุน เพื่อใช้ในการปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือคนที่เป็นหนี้นอกระบบ ที่ไม่สามารถเข้าระบบได้ให้ดอกเบี้ยลดลง เพราะจากข้อมูลที่ทรีมันนี่วิเคราะห์มา หนี้นอกระบบมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท และเข้ามาสู่ในระบบการกู้กับพิโกไฟแนนซ์ได้เพียง 50%

ส่วนหนึ่งเพราะผู้ประกอบการพิโกไฟแนนซ์ขาดแหล่งเงินทุนที่จะนำไปช่วยประชาชนต่อ ทั้งยังไม่สามารถขอกู้เงินจากธนาคารได้ เนื่องจากเป็น nonbank ฉะนั้น วิธีเดียวที่บริษัททรีมันนี่จะทำได้ คือ การพัฒนาบริษัทจนสามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีรูปแบบและทิศทางที่ชัดเจน ด้วยการโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ทำงานโรงงานและใช้บัญชีเงินเดือนเป็นตัวค้ำประกัน

“ไชยวัฒน์” บอกว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาขอกู้จะติดเครดิตบูโร เคยหันไปกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงขึ้นทุกปี และไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาจุนเจือครอบครัวได้ เหมือนเข็มนาฬิกาเดินหน้าไปยังตัวเลขที่เพิ่มขึ้น หากตัดยอดจากกู้นอกระบบและหันมากู้พิโกได้จะเหมือนกับนาฬิกาเดินถอยหลัง จากยืนอยู่เลข 12 จะค่อย ๆ ลดลงไป


จนยอดตัวเลขหมดได้ง่ายกว่า ถึงกระนั้นหนี้นอกระบบยังคงมีอยู่ เพราะกู้ง่าย คล่องตัว สะดวก รวดเร็ว แม้ดอกเบี้ยจะสูงกว่าพิโกไฟแนนซ์ก็ตาม แต่ไม่มีการขยายตัวหรือเติบโตขึ้น เพราะคนกู้ในกลุ่มนี้ยังเป็นลูกค้ากลุ่มเดิม ขณะเดียวกันกลุ่มพิโกไฟแนนซ์ก็เติบโตขึ้นไม่มากนัก