กระทรวงเกษตรฯ อุ้มสวนกาแฟยะลา ดึง “ไทยคอมมอดิตี้” ซื้ออราบิก้า

เครื่องชงกาแฟ
เครดิตภาพ : Bluekoff (บลูคอฟ)

นโยบายของรัฐบาลที่บอกจะเปลี่ยนใช้การตลาดนำการผลิตสำหรับการส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่หลายคนอดเป็นกังวลไม่ได้ โดยเฉพาะการส่งเสริมการปลูกกาแฟอราบิก้าและปลูกโกโก้ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย เนื่องจากกาแฟอราบิก้า และโกโก้น่าจะมีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ภาคเหนือของไทยมากกว่าพื้นที่ภาคใต้

นายศุกร์ เก็บไว้ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อปี 2562 ทางกระทรวงกลาโหมได้มีการส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้า 200,000 ต้น ในจังหวัดยะลา

และได้มีการแจกให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูกเมื่อปี 2563 ซึ่งมีพื้นที่การปลูกประมาณ 1,000 ไร่ อยู่ในเขต 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเบตง อำเภอธารโต และอำเภอบันนังสตา โดยมีพื้นที่เหนือระดับน้ำทะเล 280 เมตร ส่วนเรื่องของคุณภาพ ตอนนี้แปลงหรือพื้นที่การปลูกมีระดับความสูง 280 เมตร ซึ่งก็มีทำชิมกาแฟ หรือ cupping ปรากฏว่าอยู่ในคุณภาพที่ดีมาก

“การปลูกกาแฟอราบิก้า ทางศูนย์วิจัยก็ได้ให้คำแนะการปลูก ซึ่งเกษตรกรก็ได้นำไปปลูกแซมกับต้นทุเรียนและยางพารา เนื่องจากอราบิก้าปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยวไม่ได้ ซึ่งการปลูกในที่ร่มจะทำให้ผลผลิตสุกช้า

แต่รสชาติดีกว่า เรื่องการจัดการน้ำปลูกใต้ร่มไม้ไม่ต้องให้น้ำในช่วงแล้ง ต้นทุนค่าการจัดการผลิตต่ำ และสามารถพัฒนารสชาติได้ดี ซึ่งเรามั่นใจว่าคุณภาพผลผลิตน่าเทียบเท่ากับกาแฟอราบิก้าในพื้นที่ทางภาคเหนือ”

สำหรับผลิตผลที่คาดว่าจะได้รับน่าจะประมาณ 60% หรือ 140,000-120,000 กิโลกรัม จากการปลูกทั้งหมด 200,000 ต้น ซึ่ง 1 ต้นน่าจะให้ผลผลิตอยู่ที่ 600 กรัม-1 กิโลกรัม ส่วนเรื่องการตลาดที่จะเข้าไปรับซื้อผลผลิต นายอภัย สุทธิสังข์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการประสานงานหาตลาดรองรับไว้ให้แล้ว ซึ่งก็มีหลายบริษัทที่สนใจจะรับซื้อประมาณ 3-4 บริษัท

“แต่ที่ชัดเจนตอนนี้มีอยู่ 1 บริษัท ที่ได้มีการเสนอราคาการรับซื้อผลผลิต คือ บริษัท ไทยคอมมอดิตี้ จำกัด”

นอกจากนี้ จังหวัดยะลาช่วงปี 2561 ที่ผ่านมามีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตา ประมาณ 40,000 ต้น มีพื้นที่การปลูกประมาณ 1,000 ไร่ โดยสามารถขายได้ตามราคาประกันขั้นต่ำ 60 บาท/กิโลกรัม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยคอมมอดิตี้ จำกัด ทำธุรกิจการแปรรูปและการถนอมผลไม้และผักด้วยวิธีอื่น ๆ มีโรงงานอยู่ทั้งหมดใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร, จันทบุรี และเพชรบูรณ์ ได้มีการเสนอราคาการรับซื้อผลผลิตภัณฑ์กาแฟพันธุ์อราบิก้าและโรบัสต้าในพื้นที่จังหวัดยะลา

โดยอราบิก้าจะรับซื้อเฉพาะกาแฟสารหรือเมล็ดกาแฟดิบที่ผ่านการสีเอากะลาออกพร้อมที่จะคั่วแล้ว โดยราคารับซื้อจะอ้างอิงตามตลาดโลก คือ 100 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนโรบัสต้าต้องมีความชื้นไม่เกิน 12.5-13% ตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) โดยราคารับซื้อจะอิงตามตลาดโลกคือ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม