โรคระบาดรุมหมูภาคใต้วิกฤต ฟาร์มร้องระงม “ราคา” ร่วงหนัก

หมูภาคใต้วิกฤต หลังพบโรคระบาดลามจากภาคกลางโผล่ที่พัทลุง-สุราษฎร์ธานี ผู้เลี้ยงกังวลโรคเพิร์ส หรือโรคอหิวาต์แอฟริกันในหมู ส่งผลราคาร่วง ปศุสัตว์จังหวัดต้องออกโรงประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราวยันหมูเป็นโรคเพิร์ส ขณะที่ประเทศรอบข้างถูกประกาศเป็นเขตโรคระบาด ASF

กลุ่มผู้เลี้ยงหมูในประเทศกำลังตกที่นั่งลำบาก หลังจากที่มีรายงานหมูป่วยตายเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา จนสร้างความกังวลให้เกิดขึ้นในหมู่ผู้เลี้ยงด้วยความ “สงสัย” ที่ว่า โรคระบาดที่เกิดขึ้นในหมูภายในประเทศขนาดนี้เป็นโรคพีอาร์อาร์เอส (PRRS) หรือโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (African Swine Fever หรือ ASF) กันแน่ เนื่องจากในประเทศรอบข้างล้วนมีรายงานการเกิดโรค ASF ประกอบกับก่อนหน้านี้มีรายงานการพบโรค ASF บริเวณชายแดนคาบเกี่ยวกับประเทศไทย แต่จนกระทั่งบัดนี้ กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานเฝ้าระวังก็ยังไม่ยอมประกาศการพบโรคอหิวาต์แอฟริกันในหมูแต่อย่างใด

สงสัยหมูตายเพราะ ASF

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเข้ามาว่า ในขณะนี้พบสุกรป่วยตายอย่างผิดปกติในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กับ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และกำลังระบาดต่อเนื่องไปยัง อ.เขาชัยสนด้วย โดยเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุกรและสัตวแพทย์ในพื้นที่เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันแล้วว่า หมูที่ป่วยตายนั้นไม่ได้ตายจากโรค PRRS แต่เป็นการตายจากโรค ASF ที่แพร่ระบาดมาจากการเคลื่อนย้ายหมู-การขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ระหว่างจังหวัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพื้นที่จังหวัดราชบุรีในภาคกลาง ลุกลามลงมายังพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างแล้ว จากข่าวสารในวงการหมูที่บอกกันมาระหว่างฟาร์มต่อฟาร์มในช่วงต้นปีที่ว่า พบโรค ASF ในฟาร์มหมูรายใหญ่ที่จังหวัดราชบุรี และมีการฆ่าหมูไปเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายไม่สามารถควบคุมโรคได้

“ผู้เลี้ยงหมูสงสัยว่า หมูป่วยตายเป็นจำนวนมากด้วยโรคอะไรกันแน่ ไม่ว่าจะเป็น ASF หรือ PRRS ก็ก่อให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของฟาร์ม ตอนนี้ทุกคนกลัวว่าโรคจะระบาดมาถึงฟาร์มตัวเอง แต่รีบทยอยนำหมูออกมาขายเพื่อดึงเงินขึ้นมาก่อน เพราะถ้าติดโรคขึ้นมาแล้วฟาร์มรายเล็กกับรายกลางจะไม่สามารถป้องกันโรคได้ ยกเว้นฟาร์มรายใหญ่ที่มีการลงทุนในระบบการจัดการฟาร์มที่ดีกว่า จนเกิดความกังวลว่า สุดท้ายจะมีแต่ฟาร์มหมูระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศเท่านั้นที่รอด และเกิดการกินรวบตลาดหมูในที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว

ส.หมูบอกเป็น PRRS

ด้านสมาคมการค้าเพื่อเลี้ยงสุกรภาคใต้ได้เริ่มหารือกันถึงโรคระบาดที่เกิดขึ้นในสุกรภาคใต้แล้ว เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนก่อนที่โรคจะขยายวงกว้างเข้าไปในจังหวัดพัทลุง โดยในที่ประชุมมีผู้เลี้ยงบางรายเสนอให้ยุติกิจกรรมการค้าหมูระหว่างพัทลุงกับสุราษฎร์ธานีไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะกลัวกันว่าโรคระบาดจะทำลายหมูหมดทั้งฟาร์ม สร้างความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงเป็นจำนวนมาก

แต่ผู้เลี้ยงบางกลุ่มก็ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะเสียผลประโยชน์จากการค้าหมู และเห็นว่ามาตรการที่ออกมาควรจะต้องมีความยืดหยุ่นไม่ปิดกั้นการซื้อขายหมู

อย่างไรก็ตาม “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สอบถามไปยัง นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ กล่าวว่า โรคระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็น “โรค PRRS” ที่เกิดในประเทศมาแล้วประมาณ 10 ปี เป็นโรคระบาดที่ไม่ได้ติดต่อกับผู้คน แต่เมื่อเกิดโรคขึ้นแล้วก็จะสร้างความเสียหายให้กับหมูที่จะต้องถูกทำลาย

โดยภาคใต้มีการเลี้ยงสุกรประมาณ 100,000 แม่พันธุ์ รายใหญ่สุดคือ จ.พัทลุง อันดับ 1 ของภาคใต้ และเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ ถัดจากนั้นจะมีการเลี้ยงหมูกันรองลงไปที่ จ.นครศรีธรรมราช

หมูราคาร่วงหนัก

น.ส.สมร อินทร์ภักดี ผู้จัดการสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ขณะนี้ทางภาคใต้ได้ยกระดับเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังในการป้องกันโรคระบาด โดยเฉพาะโรค PRRS ที่ได้เกิดระบาดขึ้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่สีแดงแล้ว

และล่าสุดโรคระบาดได้แพร่ลงมายังพื้นที่ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง โดยเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 ทางปศุสัตว์จังหวัดและอำเภอ จ.พัทลุง ได้เข้าไปทำลายสุกรในฟาร์มรายย่อยยกฟาร์มไปจำนวนหนึ่ง

“ผู้เลี้ยงหมูตื่นตระหนกรีบเทขายหมูจนราคาร่วงลงมาที่ 71-72 บาท/กก. จากราคา 80 บาท/กก. เพราะถ้าตรวจพบว่าติดโรคระบาดเพียงตัวเดียวจะต้องถูกทำลายหมดยกทั้งฟาร์ม จะสร้างเสียหายอย่างขนานใหญ่ ในส่วนสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์จังหวัดพัทลุงมีสมาชิกประมาณ 2,070 ราย”

มีรายงานข่าวจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพัทลุงเข้ามาว่า สำนักงานปศุสัตว์เขต 8 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และปศุสัตว์อำเภอ ได้มีการแจ้งประกาศไปยัง 11 อำเภอของ จ.พัทลุงแล้ว เพื่อยกระดับเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังโรคระบาด PRRS พร้อมได้ลงพื้นที่ทุกจุดเสี่ยงทำการสืบสวนโรคระบาดเพื่อป้องกันโรคที่อาจจะขยายพื้นที่ออกไป ทั้งนี้ สาเหตุที่ติดโรคระบาด PRRS ขึ้นที่ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง มาจากการซื้อพ่อพันธุ์หมูจากต่างพื้นที่เข้ามา

ล่าสุดทางสำนักงานปศุสัตว์ อ.บางแก้ว และปศุสัตว์ อ.เขาชัยสน ได้ออกประกาศ “เขตโรคระบาดชั่วคราว” ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออกนอกพื้นที่ คือที่หมู่ที่ 12 บ้านทวดทอง ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และหมู่ที่ 5 บ้านท่าควายตก ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง สำหรับที่หมู่ที่ 12 บ้านทวดทอง ต.โคกศักดิ์ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง สุกรได้รับความเสียหายประมาณ 40 ตัว ส่วนใหญ่จะเป็นลูกสุกร อายุประมาณ 20-30 วัน ส่วนเกษตรกรเจ้าฟาร์มสุกรได้รับความเสียหายจำนวน 1 ราย

นายเดชา จิตรภิรมย์ ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้พบการแพร่ระบาดของโรค PRRS ในสุกรที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงใหญ่ของสุราษฎร์ธานี และทำลายหมูไปแล้วประมาณ 500 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมูจากฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยจำนวนมากกว่า 10 ฟาร์ม

ขณะนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยดำเนินการในพื้นที่ มีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยจุดที่เกิดโรคยังอยู่ในรัศมีที่ควบคุมอยู่ ทั้งนี้ ปัจจุบันจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีสุกรรวมทั้งหมูขุนและแม่พันธุ์ ประมาณ 200,000 กว่าตัว มีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกว่า 3,485 ครัวเรือน แบ่งเป็น ลูกเล้าของบริษัทใหญ่ประมาณ 200 ฟาร์ม เฉลี่ยไม่เกิน 100 ตัว/ครัวเรือน

อนึ่ง โรค PRRS หรือ Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome เป็นโรคที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินหายใจ ส่วนโรค ASF หรือโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในสัตว์ตระกูลสุกร ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน แต่ก็ถือว่าเป็นโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรสูง เนื่องจากกําจัดโรคได้ยากและยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรค


ในขณะที่เชื้อไวรัสที่ก่อโรคมีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมสูง และสามารถปนเปื้อนอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ไส้กรอก, แฮม, เนื้อสุกร และซาลา ส่งผลให้ประเทศที่มีการระบาดของโรค ASF จะไม่สามารถส่งออกหมูและผลิตภัณฑ์อาหารได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทผู้ส่งออก