“ห่วงการท่องเที่ยวให้น้อยลง ห่วงคนในเชียงใหม่ให้มากขึ้น” อาจารย์ มช.กระทุ้ง

อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กระทุ้งผู้มีอำนาจในจังหวัด “ห่วงการท่องเที่ยวให้น้อยลง ห่วงคนในเชียงใหม่ให้มากขึ้น” 

วันที่ 10 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รองศาสตราจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง ถึงผู้มีอำนาจทั้งหลายในเชียงใหม่ กรณีการแก้ไขปัญหาฝุ่นท่วมเมือง ข้อความดังนี้…

เรียน ผู้มีอำนาจทั้งหลายในเชียงใหม่

นอกจากความพยายามอันน่าสมเพชที่จะใช้รถพ่นน้ำในการแก้ไขปัญหาฝุ่นท่วมเมือง ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจาก “การถ่มน้ำลายดับไฟไหม้บ้าน” แล้ว สิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบขายผ้าเอาหน้ารอดที่ควรจะทำคือ

หนึ่ง การประกาศเตือนถึงอันตรายที่มาพร้อมกับฝุ่น 2.5 ควรต้องทำกันอย่างจริงจัง อธิบายถึงปัญหาด้านสุขภาพที่ผู้คนจะต้องเผชิญทั้งระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว ไม่ใช่ปล่อยให้ฝุ่นควันท่วมเมืองโดยที่ไม่มีการประกาศเตือนให้ผู้ตระหนัก และปล่อยให้แต่ละคนต้องแบกรับอันตรายดังกล่าวอย่างเงียบ ๆ

ห่วงการท่องเที่ยวให้น้อยลง แต่ห่วงคนในเชียงใหม่ให้มากขึ้น

สอง แจกจ่ายและกระจายอุปกรณ์ที่พอจะช่วยเหลือในยามเฉพาะหน้า เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่น ต้องพยายามให้มีการกระจายออกไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทรัพยากรที่ละลายแม่น้ำจำนวนมากต้องเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริง ๆ เช่น การปลูกต้นไม้ของประวิตรกับฌอนที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนก็ละลายงบไปหลายล้าน หรืองบต้อนรับคนสำคัญ ๆ ก็ควรจะเพลาลง

สาม ถ้าปริมาณฝุ่นมากในระดับที่เป็นอันตรายก็ควรต้องมีการปิดโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก หากยังคงเปิดให้มีการเรียนการสอนก็จะไม่ต่างไปจากการฆ่าเยาวชนทางอ้อม เพราะโรงเรียนหลายแห่งไม่มีห้องแอร์และเครื่องกรองอากาศ

ข้อเสนอนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณจำนวนมาก หากต้องการเพียงสติปัญญา ความห่วงใย และความกล้าหาญในระดับที่ไม่มากเกินไปนัก

ช่วยโปรดทำอะไรกันบ้างเถอะก่อนจะโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น อย่างน้อยเวลารำลึกถึงจะได้มีอะไรในแง่ดีให้จดจำบ้าง

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

ค่ำคืนอันน่าหดหู่ในเรื่องหลากหลาย

9 มีนาคม 2564

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วานนี้ (9 มี.ค.64) เว็บไซต์ www.iqair.com ซึ่งจัดอันดับเมืองที่มีค่ามลพิษในอากาศของโลก รายงานว่า จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นมาอยู่ที่อันดับที่ 1 ของโลก หลายวันติดต่อกัน โดยวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 195 USAQI ส่วนอันดับ 2 ของโลก คือกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 182 USAQI

• ไฟป่า-หมอกควันภาคเหนือยวิกฤตหนัก ยอดผู้ป่วยเชียงใหม่พุ่ง 3 หมื่นคน

• เด็กหญิง 13 ปี จ.เชียงใหม่ ช่วยทำแนวกันไฟ วูบหมดสติ เสียชีวิต