ชวนชมป่าโกงกาง ล่องอ่าวปัตตานีที่บางปู

จากตัวเมืองปัตตานีไม่ถึง 10 กิโลเมตร บนถนนสายปัตตานี-นราธิวาส หรือทางหลวงแผ่นดินสาย 42 จะเจอทางเข้าชุมชนท่องเที่ยวบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี หนึ่งในโมเดลของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ประสบความสำเร็จของจังหวัดปัตตานี เป็นความร่วมไม้ร่วมมือของชาวมุสลิมในชุมชนทั้งหนุ่มสาวไปถึงคนเฒ่าคนแก่

แม้ว่าปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ยังเกิดขึ้นเป็นระยะ แต่ชุมชนยังคงเดินหน้าให้บริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังบางปูแห่งนี้อย่างเต็มที่ เพราะการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นโมเดลใหม่ของชุมชนต่าง ๆ ในขณะนี้ ที่มีแต่ประโยชน์ ทั้งนักท่องเที่ยวที่จะได้รับบริการจากชาวบ้านในพื้นที่แท้ ๆ ทำให้ได้เรียนรู้ และเข้าใจวิถีชุมชนอย่างลึกซึ้ง ไม่ฉาบฉวย ขณะเดียวกันชาวบ้านในชุมชนเองนอกจากมีรายได้เพิ่มขึ้น ยังสามารถกำหนดการบริหารจัดการ และดูแลรักษาทรัพยากรในท้องถิ่นตัวเองให้ยั่งยืน

สำหรับบางปู พื้นที่ริมขอบอ่าวของปัตตานี มีจุดเด่น คือ ป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งพักพิงของปลาน้อยใหญ่ จนเกิดวิถีประมงพื้นบ้านรอบอ่าว เป็นเสบียงของชาวปัตตานีมานานนับ 100 ปี

เจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวโดยชุมชน ชุมชนท่องเที่ยวบางปู อธิบายว่า ชุมชนแห่งนี้เริ่มมีการจัดการท่องเที่ยวกันเองตั้งแต่ปี 2547 โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานวัฒนธรรม จังหวัดปัตตานี ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 50-100 คน เป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวต่างถิ่น และต่างชาติ

หลังจากฟังการอธิบายจากเจ้าหน้าที่ ก็ได้เวลาลงเรือ ที่ส่วนใหญ่จะใช้เรือประมงของชาวบ้านที่ว่างเว้นจากการออกจับปลา ลำหนึ่งนั่งได้ 5-8 คน

เราก้าวลงเรือด้วยความตื่นตาตื่นใจไปกับวิวรอบตัว ทั้งกำแพงป่าโกงกางสีเขียวครึ้ม นกหลากชนิดที่บินโฉบไปมา สลับกับดูวิววิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เป็นที่ตั้งของมัสยิด บ้านเรือนชุมชน และวิถีประมงพื้นบ้าน อาทิ การทำกุ้งแห้ง ไส้กรอก แกะสลักลายไม้ลายมลายู และอาหรับ ซึ่งผลงานนั้นถือว่าสวยงามระดับเป็นที่ยอมรับใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

ส่วนไฮไลต์ของการชมป่าโกงกาง คือ อุโมงค์โกงกาง ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ลักษณะคือ ต้นโกงกางสองฝั่งค้อมตัวเข้าหากันจนเหมือนเป็นอุโมงค์อันร่มรื่น มีระยะทางยาวหลายร้อยเมตร จุดนี้สามารถจอดเรือ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ใครอยากขยับแข้งขาก็สามารถขึ้นไปปีนป่ายบนรากของโกงกาง ที่กลายเป็นที่นวดเท้าธรรมชาติชั้นดี พร้อมกับกิจกรรมเดินหาหอยลอแด หรือ หอยกัน เป็นที่สนุกสนาน

ออกจากอุโมงค์โกงกาง เรือพาจอดแวะพักที่ลานแคร่ไม้ไผ่ ซึ่งเป็นจุดพักสบาย ๆ ในการชมวิวสุดลูกหูลูกตา 180 องศา ชมหมู่นกกานับหมื่น อาทิ นกยางเปีย นกยางเทา นกหัวขวาน นกเป็ดน้ำ เป็นต้น ที่มุ่งหน้ากลับรังหลังออกไปหาอาหารตั้งแต่เช้า ที่พลาดไม่ได้ คือ ช่วงพระอาทิตย์ตกยามเย็น และหากเป็นเวลากลางคืน ก็เอกเขนกบนเรือปล่อยใจให้สงบ ชมหิ่งห้อย พร้อมกับนับดาวอย่างเพลิดเพลิน

การท่องเที่ยวที่บางปู มีทั้งเช้าไปเย็นกลับ และค้างคืน ค่าใช้จ่าย สำหรับแพ็กเกจ 2 วัน 1 คืน ราคา 600 บาท/คน ส่วนเรือเที่ยวละ 600 บาท/ลำ โดยที่พักขณะนี้ยังมีบ้านรับรองเพียงแค่ 1 หลัง พักได้ 40-50 คน

ส่วนข้าวปลาอาหารนั้นหายห่วง บรรดาแม่บ้านเข้าครัวบรรเลงสุดฝีมือจนต้องยกนิ้วให้ ของเด็ดหนีไม่พ้นอาหารทะเลสด ๆ โดยเฉพาะปูของที่นี่อุดมสมบูรณ์สมชื่อ และพลาดไม่ได้ ยำสาหร่ายอาหารท้องถิ่นของขึ้นชื่อเมืองปัตตานี

ความอุดมสมบูรณ์ของบางปูไม่เพียงเป็นความประทับใจของนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นที่เรียนรู้ระบบนิเวศ และปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ให้เด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องส่งไม้ต่อ เพื่อดูแลรักษาทรัพยากรของท้องถิ่นตนเองให้ยั่งยืนสืบไป