ผู้ว่าฯ ททท. บินถกผู้ว่า “ภูเก็ต” ยันได้วัคซีนแน่ 9 แสนโดส สั่งทำแผนรับมือ กระจายวัคซีนล่ม

ผู้ว่าฯ ททท. บินถก “ภูเก็ต” แง้มไขก๊อก 2 หากแผนกระจายวัคซีนทั้งเกาะล่ม ให้ทำ Seal Area รับต่างชาติ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังบินมาร่วมประชุมกับนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องว่า ศบค.มีมติออกมาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 แบ่งการเปิดประเทศเป็น 3 ระยะ คือ ลดระยะเวลากักตัวลงจาก 14 วันเหลือ 7 วันสำหรับคนที่รับวัคซีนแล้ว และ 10 วันสำหรับผู้ไม่ได้รับวัคซีน และ 14 วันสำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งแผนการเปิดประเทศที่รับวัคซีนแล้ว ระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยไม่กักตัวในบางพื้นที่ โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้เลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จึงกำหนดบางพื้นที่ โดย ททท.ใช้หลัก 2 ข้อ คือ 1.จะต้องเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย กระบี่ พังงา พัทยา 2.เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างประเทศในระดับสูง 70-90% ใน พื้นที่ 6 แห่งที่กล่าวมาแล้ว

จากการสำรวจของ ททท. พบว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางเป็นอันดับหนึ่งในทุกตลาด ตัองการเดินทางมาประเทศไทยในช่วงปี 2564 มากกว่าปี 2564 และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมา เพื่อการพักผ่อนในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนแลัวต้องไม่มีการกักตัว เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ตัดสินใจมาส่วนปลายทางยอดนิยมคือ กรุงเทพ ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ กระบี่ หัวหิน ขณะดียวกันประเทศคู่แข่งเริ่มรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว เช่น มัลดีฟส์ เวียดนาม กรีซ สิงคโปร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ อุปสรรคสำคัญที่ส่งผลเสียต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ถ้าไทยต้องการเปิดประเทศ คือ 1.ระยะเวลาการกักตัวในโรงแรมและในหัองพัก 2.เงื่อนไขการใช้พื้นที่ชายหาดระหว่างการกักตัว 3.บริหารจัดการให้คนในพื้นที่นำร่องได้รับวัคซีนก่อนในปริมาณที่เพียงพอ จึงได้เสนอทPhuket Sandbox ขึ้นมา เป็นโรดแมป มี พื้นที่นำร่องในไตรมาส 2 คือ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สมุย ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่ กักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 7 วัน บวกด้วย Seal Route ส่วนไตรมาส 3 เปิดภูเก็ต ส่วนพื้นที่อื่นให้กักตัวในโรงแรม 7 วัน

สิ่งที่ได้มาจากไทม์ไลน์เปิดภูเก็ต คือ ภูเก็ต ต้องการวัคซีน 1 ล้านโดส ให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมา 70% ของประชากรในทะเบียนราษฏร์และประชากรแฝง ถ้าเปิดได้ในไตรมาส 3 คาดว่าจะมีรายได้ 30,000 ล้านบาท ดังนั้น การที่เป็น Sand Box ภูเก็ตต้องทำการท่องเที่ยวหลังโควิด- 19 เป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เป็นความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นกับภูเก็ต

การเปิดทั้งเกาะอยู่ที่การกระจายวัคซีน ซึ่ง ภูเก็ตได้รับอนุมัติแล้ว 1 แสนโดส ในเดือนหน้าอีก 4 แสนโดมพฤษภาคมอีก 4 แสนโดส จะครบ 9 แสนโดส นี่คือสิ่งที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพยายามและมั่นใจว่าจะได้ แต่ ทุกอย่างเป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยง

สมมติว่า ถ้าแผนการกระจายวัคซีนภูเก็ตได้ไม่พอสำหรับ 70% ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมา ภูเก็ตจะต้องกำหนดพื้นที่ ที่เป็น Seal Area ขึ้นมาไม่เช่นนั้นไม่สามารถเปิดได้ เพราะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เป็นแผนสำรองไว้ ถ้าแผนแรกเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกคนต้องการวัคซีนทั้งหมด

“ถ้าแผนกระจายวัคซีนล่ม ภูเก็ตต้องกำหนด Seal Area ขึ้นมา ต้องวางแผนการบริหารความเสี่ยง ถ้าไม่เช่นนั้นต้องรอเปิดไตรมาส 4 เราต้องบริหารทุกอย่างภายใต้ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนายพิพัฒน์
พูดชัดเจนจะเอาวัคซีนมาให้ได้ แต่ถ้าเกิดไม่ได้ต้องวางแผนไว้ ถ้าไม่เกิดก็เป็นเรื่องที่ดี ขอให้ช่วยคิดในส่วนนี้ด้วย”

นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์โควิด-19 เหมือนหลับไป ผ่านไป 2 ปีทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ ต้องกลับไปแก้ปัญหาเก่าๆที่ภูเก็ตเคยมี เช่น ความไม่สะอาด ไม่สะดวก ไม่ปลอดภัย หรือขาดมิติสมดุลมิติสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสิ่งที่ได้หารือในที่ประชุมกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คือ New Phuket เป็นการท่องเที่ยวที่สอดคล้องยุทธศาสตร์ ไม่เน้นปริมาณ แต่สามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจได้เป็นการท่องเที่ยวที่มีการกระจายผลประโยชน์อย่างทั่วถึง ในลักษณะที่เป็น exclusive
ต่างๆ ทั้งหมดนั้น

“เราอาจดีใจที่เปิดรับนักท่องเที่ยวที่มีวัคซีนเข้ามาเป็น Phuket SandBox แต่จะไม่ใช่แค่การเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็น SandBox ที่สร้างการท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน เพื่ออนาคตที่มั่นคงของประเทศไทย โดยจะเริ่มที่ภูเก็ต”

การมาประชุมวันนี้ จึงต้องการหารือในหลายประเด็นทำความเข้าใจให้ตรงกัน และสุดท้ายที่อยากได้กลับออกไปเพื่อนำเรียนรัฐมนตรีคือ New Phuket ที่เกิดขึ้น ต้องเป็นการท่องเที่ยวสีขาว สะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรมและรักษ์สิ่งแวดล้อม และถ้ามี New Phuket เปิดประเทศ ใน วันที่ 1 ก.ค.นี้ มีแนวคิดจะเชิญนายกรัฐมนตรี ลงมาเปิด New Phuket

รัฐบาลให้มาถามว่าภูเก็ตพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาอย่างไร มีมาตรฐานSHA ครบหมดหรือยัง เพราะว่าเป็นเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชน , มีการเตรียมพร้อมการปรับปรุงสถานที่ต่างๆให้ประทับใจนักท่องเที่ยวหรือยัง การเปลี่ยนแปลงภูเก็ตไปสู่การท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืนจะทำอย่างไร เช่น การจัดระเบียบเรียบร้อย การดูแลรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม การจัดระเบียบสังคม เหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องตอบรัฐบาล แล้วจะได้วัคซีน 1 ล้านโดส

วัตถุประสงค์สำคัญคือ สิ่งที่จะเป็นสัญญาประชาคม การเตรียมความพร้อมการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว คือ New Phuket ซึ่ง รับปากจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดย ททท.จะของบประมาณมาช่วยภูเก็ต เพื่อเป็นSand Box ที่เปิดรับวัคซีนและทำให้การท่องเที่ยวมีความยั่งยืน ต้องเป็นคำตอบที่ต้องได้เพื่อไปบอกรัฐบาล บอกนายกฯ และจะเป็นการซีเคียว1ล้านโดสวีซ่าด้วย เอาวัคซีนมาให้คนภูเก็ตก่อน ช่วยภูเก็ต ช่วยประเทศฟื้นตัว

ขณะเดียวกัน ภูเก็ต ต้องเป็นตัวอย่างให้กับจังหวัดอื่นในการพัฒนาสู่ความยั่งยืนด้วยเช่นกัน แก้ปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้น ในความไม่สะดวก ไม่สะอาด ไม่ปลอดภัย ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัญหาเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา โดย ภูเก็ตจะต้องเป็น New Phuket หวังว่าทางภูเก็ตทุกภาคส่วนจะเดินไปในทิศทางร่วมแก้ปัญหาร่วมกัน ถ้าเข้าใจตรงกันว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลเป็นอย่างนี้ ต้องช่วยกันไปข้างหน้าในทิศทางใหม่และคิดว่าคนภูเก็ตน่าจะHappy การเสนอให้เป็น New Phuket เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามา พบความเปลี่ยนแปลงในสายตานักท่องเที่ยวและทำให้ประทับใจมากขึ้นและอยากกลับมาอีกในปีต่อๆไป ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในอัตราเร่ง โดย ททท.จะส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงมาช่วยที่ภูเก็ตเพื่อนำไปสู่ New Phuket

ทางด้าน นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สิ่งที่ท้าทายคือ การกระจายวัคซีน หากไม่เป็นไปตามเป้า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ภูเก็ต ปัญหาอยู่ที่ภูเก็ตจะไม่ได้รับวัตซีน ภูเก็ตมีอุปกรณ์เพียงพอ ดังนั้นช่วง 3 เดือนนี้ต้องวางแผนฉีดให้ได้ เริ่มจากการฉีด 50,000 คนแรกให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ เพราะนี้คืออนาคตของภูเก็ต

“สิ่งที่ภูเก็ตคิดอยู่และรัฐบาลคาดหวังมีการคิดอยู่แล้วต้องการให้กลับมาแข็งแรงสดใสยั่งยืน มีหลายเรื่องคิดแต่ไม่สามารถเนรมิตได้ในเร็ววัน รัฐบาลคาดหวังเรา เราก็คาดหวังรัฐบาลเช่นกันที่ผ่านมาประชุมครม.สัญจรได้เสนอขอไปหลายโครงการ แต่ยังไม้ได้รับการพิจารณา และหลายเรื่องตั้งใจจะทำ การบริการรถสาธารณะให้หน่วยงานทึ่เกี่ยวข้องดำเนินการแต่ยังติดกฎระเบียบ มีความตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด เรื่องใดที่อยากให้โฟกัสขอให้บอกมา เพื่อให้เดินหน้าไปได้”

ทางด้าน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตต้องการเปิดรับต่างชาติทั้งเกาะต้องการรับวัคซีนทั้งเกาะ แล้วถ้ามีSeal Area เกิดขึ้นยากมาก เพราะจะมีดราม่าเกิดขึ้นในพื้นที่ ขอเลือกไม่เปิดเป็นโซน ขอให้ฉีดทั้งเกาะ ระดมสรรพกำลังกัน