“OrganThai” พลิกวิกฤตนำเข้าอุปกรณ์ปลูกกัญชา

อุปกรณ์ปลูกกัญชา

“Organ Thai” ชะลอตัวพิษโควิด-19 ส่งออกน้ำมะพร้าวออร์แกนิกลดฮวบ 90% พลิกวิกฤตปรับตัวขายปุ๋ย-อุปกรณ์ปลูกกัญชา กัญชง ชี้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่โอกาสขยายตัวสูง

นายสุดเขต นราธิปภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท Organ Thai จำกัด ผู้ผลิตน้ำมะพร้าวออร์แกนิกส่งออก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกน้ำมะพร้าวออร์แกนิกกว่า 90% เป็นเหตุให้ต้องชะลอการผลิตไปก่อน

แล้วหันมาทำผลิตภัณฑ์ปุ๋ยมูลไส้เดือน ซึ่งเป็นสินค้าออร์แกนิก ภายใต้แบรนด์ชื่อว่า “เอกัส” ปัจจุบันได้รับความนิยม จึงเริ่มปรับตัวมาทำผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเป็นหลัก สอดคล้องกับกระแสการปลูกกัญชา กัญชง ที่กำลังได้รับความนิยมเกือบทั่วประเทศ และมีแนวโน้มการปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ ทางบริษัทมีความรู้เรื่องวัสดุอุปกรณ์การปลูกพืชอยู่แล้ว จึงนำเข้าวัสดุอุปกรณ์เพื่อปลูกกัญชา กัญชง โดยเฉพาะเฉลี่ยมูลค่าการนำเข้า 5-10 ล้านบาทต่อเดือน และธุรกิจนี้ถือว่าเป็นธุรกิจตัวใหม่ที่ยังมีคู่แข่งและคนลงทุนน้อย

“ตอนนี้การปลูกกัญชา กัญชง กำลังบูม นักธุรกิจแห่กันทำผลิตภัณฑ์จากกัญชา เช่น น้ำปั่นกัญชา พิซซ่ากัญชา ชานมกัญชา ซึ่งเราไม่แข่งการทำอาหารในกระบวนการปลายน้ำ

เพราะมีคนทำเยอะอยู่แล้ว แต่เราจะทำธุรกิจที่เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ แม้ปัจจุบันฟาร์มที่ได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชา กัญชง ยังมีไม่มาก แต่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน”

สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่ทางบริษัทนำเข้ามามีหลายโปรดักต์ เช่น ผงเร่งราก Mykos WP Xtreme Gardening, Great White Mycorrhizae, Clonex Mist เป็นต้น มีให้เลือกหลายขนาดราคา เริ่มตั้งแต่ 299 บาทขึ้นไป มีช่องทางการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ Lazada, JD Central, Shopee, เพจ Facebook

ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครัวเรือน ซื้อผลิตภัณฑ์ปลูกในระดับรายย่อย แสดงให้เห็นว่าการปลูกในตลาดใต้ดินน่าจะมีอยู่มาก แต่ตลาดใต้ดินกำลังขึ้นมาอยู่บนดินอย่างถูกกฎหมาย โดยบางรายอยู่ในขั้นตอนการขอใบอนุญาต นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์นำเข้ามีออร์เดอร์ส่งออกไปยัง สปป.ลาวเฉลี่ย 100,000 บาทต่อเดือน

“เรานำเข้าอุปกรณ์การปลูกเพื่อขายในประเทศไทยก่อนเป็นหลัก ส่วนแนวโน้มตลาดต่างประเทศอย่าง สปป.ลาว เวียดนามหรือกัมพูชา หากมีเพาะปลูกมากขึ้น ธุรกิจนี้ก็มีโอกาสเติบโตในอนาคต”

 

 

นายสุดเขตกล่าวว่า ผู้ประกอบการฟาร์มผักบางส่วนที่ทำสวนมาตลอดเริ่มหันมาสนใจการปลูกกัญชา กัญชง เพราะเห็นโอกาสและทราบว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ มีเกษตรกรในภาคใต้บางรายได้รับอนุญาตให้ปลูกแล้ว ทางบริษัทให้คำปรึกษาอยู่ เพราะเกษตรกรบางชกลุ่มไม่มีความรู้เรื่องนี้

“กัญชาถือเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ต้องช่วยกันผลักดัน จากการคำนวณราคาต้นทุนประมาณ 20 บาทต่อใบ ปัจจุบันใบกัญชาราคาประมาณ 15,000 บาทต่อกิโลกรัม ระยะเวลาการปลูกประมาณ 4-6 เดือนแล้วแต่สายพันธุ์ มีอายุอยู่ได้ 1 ปีหากไม่มีการเก็บเกี่ยว ซึ่งหมายความว่า 1 ต้น สามารถเก็บเกี่ยวได้เพียง 1 รอบและต้องโค่นทิ้งปลูกใหม่”

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่สนใจปลูกกัญชา กัญชง จะต้องขอใบอนุญาตและปลูกเพื่อส่งให้ภาครัฐเท่านั้น เช่น มหาวิทยาลัย หรือรัฐบาล ซึ่งนำไปใช้ในงานวิจัยโดยเฉพาะ ส่วนการปลูกกัญชงสามารถปลูกและขายได้

แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.เพื่อใช้ในครัวเรือน สามารถปลูกได้ไม่เกิน 1 ไร่ 2.เชิงพาณิชย์ สามารถปลูกได้ตั้งแต่ 2 ไร่ขึ้นไป และ 3.ปลูกส่งมหาวิทยาลัย ใช้ในงานวิจัย

สามารถปลูกได้ตั้งแต่ 2 ไร่ขึ้นไป มูลค่าการลงทุนปลูกประมาณ 500,000-1,000,000 บาทต่อไร่ สามารถสร้างกำไรได้ถึง 1-2 เท่าตัว ถือเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ