“วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ทุบโต๊ะเดิมพันสกัดโควิด 7 พันโรงงานสมุทรสาคร

วีระศักดิ์
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ จ.สมุทรสาคร

“วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ผู้ว่าฯ จ.สมุทรสาคร เผยผ่าน “ไม่แพ้แน่นอนเราจะผ่านไปด้วย” สั่งโรงงาน 7 พันแห่ง ตั้งโรงพยาบาลสนามภายใน 1 สัปดาห์ หากไม่ทำสั่งปิด

วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 คำต่อคำกับ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ จ.สมุทรสาคร กล่าวผ่านรายการไม่แพ้แน่นอนเราจะผ่านไปด้วยกัน ว่า สถานการณ์โควิด-19 ในสมุทรสาครทวีความรุนแรงมากขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ขึ้นสู่หลักพัน 2 วันติดต่อกัน เป็นสถานการณ์ที่น่าวิตก พยายามหาทางคลี่คลายปัญหา ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เพราะสมุทรสาครไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง

โควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่ง อาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะเกิดกับอีกประเทศหนึ่ง อย่างเช่น วัคซีน mRNA ยังไม่สามารถป้องกันโควิดสายพันธ์เดลต้าในสหรัฐและยุโรปได้ ดังนั้น เราต้องเฝ้าติดตาม และมาหาทางออกร่วมกัน อย่างบางคนบอกวัคซีนจีนบางยี่ห้อไม่เหมาะกับประเทศไทย แต่ปัจจุบันมีคนจีนติดเชื้อโควิดเพียงหลัก 10-20 คนทั้งที่มีประชากรเป็นพันล้านคน

ขณะที่วัคซีนที่บอกว่าดีที่สุดพวก mRNA ซึ่งใช้กันในอเมริกา แต่ตอนนี้อเมริกามียอดผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก จึงไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ บางประเทศเปิดประเทศไปแล้ว เช่น อิสราเอล แต่ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมา มีการเรียกร้องวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรีบความจริงว่า สถานการณ์โควิดดูจะแปลก ๆ ไม่มีสูตรสำเร็จแน่นอน เพราะฉะนั้นต้องตามให้ทันสำหรับประเทศไทย

ประเทศไทยตัวเลขผู้ติดเชื้อขึ้นมาเป็นอันดับที่ 47 ของโลกด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อ วันนี้ถือเป็นนิวไฮ 14,260 คน หายป่วย 7,600 ราย

บางคนบอกตัวเละผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จะบ่งบอกได้หรือไม่ว่า สถานการณ์ของระบบสาธารณสุขในการป้องกันโรคล้มเหลวแล้ว ยังบอกไม่ได้ นี่พูดจากใจตรง ๆ เพราะวันนี้ทีมงานของสาธารณสุข หมอ และโรงพยาบาลต่างๆ ยังสู้อยู่แต่เหนื่อย โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์เหนื่อยและท้อ เพราะฉะนั้นคนที่เป็นกองหลัง กองเชียร์อย่างเรา ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะคนไทยคนหนึ่งวิงวอนพวกเราทุกคน อย่าเพิ่งทัอ อย่าเพิ่งเหนื่อย เพราะถ้าพวกเราท้อ ถ้าพวกเราเหนื่อย คุณหมอและพยาบาลจะเอาหลัก พนักพิงที่ไหนมาต่อสู้ต่อไป

เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งกันแล้ว ตัวเลขอาจจะดูสูงขึ้น อาจจะดูมากขึ้น ไม่น่าจะมากขึ้นขนาดนี้เลย แล้วไม่รู้จะสู้ไหวหรือไม่ ไหวหรือไม่ไหวก็ต้องสู้ นี่คือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของจังหวัดสมุทรสาคร หนึ่งในจังหวัดของประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เป็นสถานการณ์ที่เราต้องฝ่าฟันไปให้ได้

อย่าลืมว่า เราทุกคนต้องเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายสำหรับอนาคตมันเป็นอนาคตของเด็ก เยาวชนคนรุ่นใหม่ ลูกๆหลานๆเรา เพราะฉะนั้นเราจะทิ้งมรดกอย่างไรไว้ให้ลูกหลาน ถ้าเราไม่สู้จะทิ้งมรดกที่ผุพังไว้ให้ ไม่ได้ นี่เป็นแผ่นดินสมุทรสาครเป็นแผ่นดินไทยที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของร่วมกัน

บางคนอาจจะแตกต่างกันในเรื่องความคิด อาจจะแตกต่างกันในเรื่องอุดมการณ์ อาจจะแตกต่างกันในเรื่องวิธีการ ผมถือว่าเรื่องธรรมดาของระบอบประชาธิปไตย แต่วันนี้ความแตกต่างเอาไว้ก่อน วันนี้ต้องมาคุยกันว่า  สถานการณ์ที่วิกฤตขนาดนี้ เราจะร่วมมือข่วยเหลือกันอย่างไร

วันนี้สมุทรสาครพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,057 ราย ยอดสะสม 40,000 คน หายกลับบ้านไปแล้วเกือบ 30,000 คน บอกเห็นตัวเลขอย่างนี้ ยอมแพ้ดีกว่า ไม่สู้แล้ว ไม่ได้ มันยังจำเป็นที่จะบอกกับตัวเองว่า วิธีการที่ดำเนินการอยู่ มันยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด มันยังเอาชนะโควิดที่เกิดขึ้นไม่ได้

เราจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ หรือการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่จะเพิ่มอย่างไร เพราะทุกวันนี้เหนื่อยเต็มที่แล้ว โควิดเกิดมาปีกว่าเกือบ 2 ปีแล้ว ทำไมแย่ลงเรื่อย ๆ ถ้าคิดอย่างนี้ ถ้าเรายอมจำนน และปล่อยให้โชคชะตาเป็นคนลิขิตว่า เราจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถ้าถึงขั้นนั้นเมื่อไหร่จะบอก แสดงว่าเรายอมแพ้ เราไม่มีมือมีเท้า เราไม่มีอนาคตสำหรับลูกหลานเราแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะยอมให้ถึงวันนั้นไม่ได้

วันนี้เราจะทำอะไรกันบ้าง 1. ปรับระบบคอลเซ็นเตอร์ขึ้นมา เพื่อประสานผู้ติดเชื้อโควิดของสมุทรสาครนำเข้าสู่โรงพยาบาลสนามชุมชนหรือศูนย์พักคอยคนสาคร (CI)

ที่ผ่านมาหลายคนบอกว่าโทรไปเท่าไหร่ก็ไม่ติดหรือติดแต่ไม่มีคนรับ พัฒนามาเป็นระบบไลน์ออฟฟิศเชียลส่งข้อความแล้วก็ไม่ตอบ ตอนนี้ให้ทุกอำเภอไปบริหารจัดการทำระบบเบอร์โทร และไลน์ออฟฟิศเชียลให้ชัดเจน ทุกอำเภอต้องตอบกลับประชาชนให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงว่า จะมีเตียงหรือสามารถเข้าศูนย์พักคอยได้หรือไม่

หากยังไม่มีการตอบกลับภายใน 24 ชม. ผมเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครไม่ได้แล้ว ต้องพิจารณาตนเอง เอาตำแหน่งเป็นเดิมพันแล้วกัน วันนี้ผมทำงานคนเดียวไม่ได้ต้องอาศัยทีมงานช่วยกันหลายคนหลายฝ่าย หากบกพร่องในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดก็ขอรับผิดชอบ

นอกจากนี้คนติดโควิดที่อยู่ระหว่างรอเตียง ทางเหล่ากาชาด ร่วมกับหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด บอกให้ผู้ว่าฯ และคนที่มีกำลังในจังหวัดช่วยกันทำ “กล่องห่วงใย” ขึ้นมา เพื่อมอบให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อยระหว่างกักตัวที่บ้าน ระหว่างรอเตียง

ภายในกล่องประกอบด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ปรอมวัดไข้แบบดิจิทัล หน้ากากอนามัย 1 กล่อง มี 50 ชิ้น ไปให้ใช้ในครอบครัวด้วย มียาฟ้าทะลายโจร 1 เซ็ทให้รีบประทาน 5 วัน มียาแก้ไข้ 2 แผง ยาแก้แพ้อากาศ ยาจิบแก้ไอ สเปรย์และเจลแอลกอฮอล์ สบู่ ยาสีฟัน แชมพูสระผม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พูดง่าย ๆ ในกล่องห่วงใยมีส่วนการรักษาโรคและการดำรงชีวิตประจำวัน

2. จะมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มอีก 2 แห่งจากปัจจุบันมี 7 แห่ง กรณีนี้มีหลายคนถามเหตุใดตั้งศูนย์พักคอยจำนวนมาก แทนที่จะตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มอีกหลาย ๆ แห่ง เพราะโรงพยาบาลสนามต้องมีหมอมาประจำการ บุคลากรทางการแพทย์หาไม่ได้ จึงต้องสร้างศูนย์พักคอยขึ้นมาแทน

สถานการณ์โควิด-19 วันนี้ไม่เหมือนที่เคยระบาดที่ตลาดกุ้ง มีบุคลากรหลายจังหวัดมาช่วยได้ แต่ตอนนี้ทุกจังหวัดเกิดโควิดระบาดเหมือนกัน ขณะเดียวกันจะปรับโรงพยาบาลที่มีให้สามารถรับผู้ป่วยสีเหลืองได้

3. การทำมาตรการเพื่อไม่ให้ตลาดนัดและโรงงานอุตสาหกรรมเป็นแหล่งแพร่โรค ตอนแรกผมเสนอให้ปิดตลาดนัดทั้งหมด เพราะอยากลดความเคลื่อนไหวของประชาชนให้มากที่สุด อยากให้ประชาชนกักตัวที่บ้าน แต่หลายคนบอกอยู่บ้านแล้วจะเอาอะไรกิน ต้องแสวงหาความร่วมมือกันต่อไป และที่ประขุมเกรงจะคนจะเดือดร้อนจึงมีมติให้ขายเฉพาะของบริโภค กับสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อน สิ่งที่ไม่ตำเป็นต่อการบริโภคต้องงดการขาย อันนี้เป็นมาตรการขั้นต้น หากยังไม่ดีขึ้นสัปดาห์หน้าต้องพิจารณากันอีกที

ส่วนเรื่องมาตรการคุมโรงงานเป็นเรื่องใหญ่มีคนเสนอผ่านทางเพจส่วนตัวว่าเมื่อไหร่จะปิด แต่มีบางคนบอกว่า ถ้าปิดโรงงานทั้งหมดจะมีคนได้รับผลกระทบถึง 4 แสนคน ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ

ผมบอกจะปิดก็ปิดเลย ผมยอมรับสภาพ มีคนส่วนใหญ่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเพจส่วนตัวของผู้ว่าฯ ส่วนใหญ่อยากให้ปิด  อีกส่วนคัดค้าน หากผู้ว่าฯทุบโต๊ะให้แหลกละเอียด มันจะไม่เหลืออะไรทั้งจังหวัด

จึงมีการคุยกันที่ผ่านมาเราส่งเสริมให้โรงงานทุกแห่งทำโรงพยาบาลสนามภายในโรงงาน (FAI) มานานแล้ว แต่ปรากฏว่า จำนวนโรงงานในสมุทรสาครเกือบ 7,000 แห่งมีทำโรงพยาบาลสนามเพียง 28 แห่ง ซึ่งน้อยมาก จึงมีมติว่าถ้าโรงงานไหนไม่ทำ ให้ถือเป็นมาตรการสั่งปิดโรงงานเลย โดยให้ดำเนินการภายใน 1 สัปดาห์

จึงทุบโต๊ะเปรี้ยง บังคับให้ทำ ไม่ขอร้องแล้ว ถ้าไม่ทำถูกสั่งปิด ให้เวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งบางคนบอกเวลา 7 วันโรคแพร่ไปมากแล้ว ทั้งนี้ ในเวลาทำ 1 สัปดาห์ หากพบว่าโรงงานใดมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูง ถึงแม้จะทำโรงพยาบาลสนามเสร็จแล้วยังไม่สามารถควบคุมโรคได้สั่งปิดอย่างเดียว

มีสถานประกอบหลายแห่งติดต่อมาที่ผมจะทำอย่างไรดี ถึงจะไม่ถูกปิด ผมบอกผมไม่มีอำนาจให้ไปติดต่อแรงงานจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัดว่า ระบบการทำโรงพยาบาลสนามในโรงงานทำอย่างไรจะเป็นผลดีต่อคนทำงานอยู่ในโรงงานนั้น ๆ

อันนี้เป็นเรื่องที่เรายังไม่ยอมแพ้ การดำเนินการทั้งหมดมีจุดมุ่งหมาย เพื่อคนสมุทรสาครทั้งมวล แน่นอนหลายคนเหนื่อย ท้อแท้บอกไม่เห็นราชการจะเยียวยา เอาวัคซีนมาให้ เลื่อนแล้วเลื่อนอีก ผู้ว่าฯ ก็ตอบไม้ได้ เพราะคำตอบอยู่ที่ส่วนกลาง ผู้ว่าฯ ได้แต่ไปทวงถามว่าวัคซีนจะได้เมื่อไหร่ เป็นแบบไหน ผมเห็นใจทุกคน เพราะคำตอบนั้นยังล่องลอยอยู่ในสายลม วัคซีนเลื่อนแล้วเลื่อนอีก

อย่างไรก็ตาม กรณีการนำคนเข้าศูนย์พักคอย ที่ผมบอกว่า บางครั้งต้องลดระเบียบขั้นตอนต่าง ๆ เพราะตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษจะไปยึดถือกฎกติดามารยาทปกติไม่ได้ ต้องใช้กฎกติกาพิเศษ เอาความว่องไวตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาระเบียบกติกาเป็นที่ตั้ง ถ้าเราสามารถลดขั้นตอน ลดระเบียบกติกาเพื่อให้ประชาชนไปถึงเป้าหมายได้น่าจะเป็นผลดีที่สุด

เรื่องวัคซีนเหนื่อยพอแรงอยู่แล้ว อย่าเอาเรื่องอื่น ๆ มาทำให้ประชาชนเหนื่อยมากขึ้น ต้องขอร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาประชาชนคนไทยคนสมุทรสาครร่วมกันด้วย ผมคนเดียวทำอะไรมากไม่ได้ แต่ผมเขื่อว่าถ้าทุกคนช่วยกัน เหมือนพลังแรงใจที่สำคัญช่วยกัน ถ้าเป็นไม้ซีกท่อนเดียวมันคงไม่สามารถงัดไม้ซุงได้ แต่ถ้าไม้ซีกรวมกันหลาย ๆ ท่อน มันก็จะงัดไม้ซุงได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่แพ้แน่นอน เราจะผ่านไปด้วยกัน