“วงศกร” นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ดีเวลอปเปอร์กระบี่ ลุยพูลวิลล่า รับเทรนด์ต่างชาติเกษียณ

คอลัมน์ New Gen 4.0

“วงศกร เอ่งฉ้วน” หรือเบิร์ด นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงวัย 31 ปี ไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ และไม่ได้เป็นทายาทของนักธุรกิจ แต่เป็นคนที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นมาตั้งแต่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำอยู่ในเวลานี้ จึงเป็นธุรกิจที่เขาเริ่มเองหลังเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

วงศกร มีความสนใจด้านการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้ไปศึกษาต่อด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีโอกาสได้ไปทำงานอยู่ต่างประเทศอยู่หลายปี อีกทั้งได้ทำงานกับบริษัทเอกชนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในหลายภาคส่วน จึงมีประสบการณ์พอสมควร เมื่อกลับบ้านเกิดก็อยากจะทำอะไรที่เป็นธุรกิจของตัวเอง

“ตอนแรกก็คิดอยู่นานเหมือนกันว่าอยากทำอะไร และจะทำธุรกิจอะไรที่เราสามารถจะอยู่กับมันไปได้ตลอดชีวิต และต้องเป็นสิ่งที่เราชอบด้วย ผมอยากจะกลับมาอยู่ที่บ้าน อยากมาอยู่กับครอบครัว และได้ทำธุรกิจในจังหวัดบ้านเกิดเพื่อให้จังหวัดเราเติบโตขึ้น อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมพัฒนาจังหวัดด้วย เป็นหนึ่งธุรกิจที่คอยขับเคลื่อนด้วย ก็เลยมองว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ผมเลยคิดว่าอสังหาริมทรัพย์น่าจะตอบโจทย์ เพราะมีหลายรูปแบบ ทั้งการซื้อ การขาย การพัฒนาโครงการ การเช่า หรือการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ”

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ “วงศกร” โดยได้ก่อตั้งบริษัท วงเรียลเอสเตท จำกัด ขึ้นมา ปัจจุบันย่างเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว เขาจึงกลายเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของเมืองกระบี่

วงศกรบอกว่า ในเบื้องต้นได้วางการทำธุรกิจไว้ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มาก ในส่วนที่ 2 โครงการวิลล่า บ้านพักตากอากาศ ซึ่งกระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดกระบี่ เพื่อให้สอดคล้องกับเมืองท่องเที่ยว ทั้งการสร้างและการบริหารการขาย ซึ่งมองว่าจะทำในทุก ๆ ส่วนของอสังหาริมทรัพย์ให้ครบวงจร หรือพูดง่าย ๆ ว่า เดินเข้ามาที่นี่ที่เดียว ซื้อ ขาย เช่า หรืออยากจะมีที่พัก อีกทั้งหากใครมีความต้องการที่จะเข้าลงทุนในกระบี่ เราก็พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ทุกอย่าง

“ในอนาคตยังจะมีอีกหลายโครงการที่วางเป้าหมายไว้ แต่จะต้องดูจังหวะ ระยะเวลาและโอกาสด้วย เพราะต้องวิเคราะห์ตัวเลขข้อมูลให้ดี และดูความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ว่าขึ้นเวลาไหน ควรจะทำอะไรตรงไหน เพราะอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ทำเล และระยะเวลาของแต่ละโครงการ ซึ่งทุกอย่างต้องคิดอย่างรอบคอบ เพราะ 2 โครงการที่ผ่านมาที่ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากสำหรับจังหวัดเล็ก ๆ อย่างกระบี่ ประกอบกับนักลงทุนที่ไม่ใช่รายใหญ่ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ”

วงศกรมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นหรือลดลงมันไม่ได้ตายตัว การที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลง ต้องดูเศรษฐกิจ แนวโน้ม ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ หรือไม่ก็ความต้องการของตลาดมากกว่า และจะทำในช่วงไหน เพราะจริง ๆ แล้วเห็นข้อมูลตลาดอยู่ในมือก็ควรจะรู้ว่าควรลงทุนไปในทิศทางไหน

ขณะที่แบรนด์ที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญในการซื้อขาย ในส่วนของการก่อสร้างก็จะใช้ชื่อบริษัท วงเรียลเอสเตท จำกัด แต่ในส่วนการซื้อขายได้ดึงแบรนด์ ERA ซึ่งเป็นแบรนด์นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่มีตัวแทนอยู่ใน 45 ประเทศทั่วโลก ตรงนี้เลยมีความมั่นใจมาก จึงตัดสินใจนำแบรนด์ ERA เข้ามาให้เป็นตัวแทนของจังหวัดกระบี่ ซึ่งลูกค้าต่างชาติจะมีความเชื่อมั่นของความเป็นระบบ ความมีชื่อเสียงยาวนาน และเป็นที่รู้จักในเมืองไทยกว่า 20 ปี

ขณะที่แผนลงทุนในปี 2561 จะทำโครงการบ้านพักตากอากาศประเภทพูลวิลล่าอีกหลายโครงการบริเวณแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดกระบี่ เพราะเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงกว่าโรงแรม ซึ่งลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวต่างชาติที่เป็นผู้สูงอายุหรือวัยเกษียณ ที่มีความต้องการบ้านพักตากอากาศไว้สำหรับมาพักผ่อน ซึ่งตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดกระบี่

ฉะนั้นถ้าการท่องเที่ยวดี อสังหาริมทรัพย์ก็โต โครงการใหม่ ๆ ที่ดำเนินการอยู่ขณะนี้ก็ยังพอขายได้ แต่ต้องตอบโจทย์ผู้บริโภค หรือไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ขณะนี้ตลาดบนยังไม่กระทบ โครงการบ้านเดี่ยวยังขายหมด เพราะคนมีแนวโน้มต้องการบ้านเดี่ยวมากขึ้น ส่วนอาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม นั้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะดูจากผู้ประกอบการเป็นหลักว่ามีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ ไม่ทิ้งงาน ทำเลได้หรือไม่ แต่ที่กระบี่ลูกค้าอาจจะมองเรื่องราคาเป็นหลัก อสังหาริมทรัพย์ของกระบี่ไม่ได้หวือหวา แต่ยังไปได้เรื่อย ๆ

สำหรับการเข้ามานั่งเป็นประธาน YEC หอการค้าจังหวัดกระบี่นั้น “วงศกร” บอกว่า สิ่งที่ให้ความสำคัญลำดับแรกคือ ทำตามนโยบายของหอการค้ากระบี่ หอการค้าเป็นเสมือนผู้คิด YEC จะเป็นผู้ลงมือทำ

ส่วนที่สองคือ โครงการใหม่ ๆ เช่น โครงการไหนที่ทำให้เศรษฐกิจกระบี่ดีขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็จะเข้าไปช่วยทั้งในเรื่องของความคิด เงิน รวบรวมกันลงมือลงแรงกันเต็มที่

เพราะสมาชิก YEC มาจากทุกภาคส่วนของธุรกิจ ทั้งเจ้าของโรงแรม ธุรกิจบริการ อสังหาริมทรัพย์ โรงงานปาล์ม โรงงาน และภาคเกษตร เจ้าของสวนเกษตรต่าง ๆ ที่มาช่วยกันในหอการค้าจังหวัดกระบี่

ปัจจุบัน YEC กระบี่มีจำนวน 50 คน ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานชาวกระบี่ด้วยกัน ทำธุรกิจด้วยความจริงใจ รับคำติชมของแต่ละคนและนำมาพัฒนา ไม่ใช่แค่ในเรื่องการทำ CSR หรือช่วยเหลือสังคมอย่างเดียว ใครจะทำโครงการหรือกิจการอะไร เราก็เข้าไปช่วยเหลือกันทุกคน


“คนที่จะมาร่วมตรงนี้ บอกได้เลยว่า YEC มีทั่วประเทศ พร้อมที่จะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งเป็นองค์กรที่เข้มแข็งมาก เป็นบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ และพร้อมที่จะรับช่วงต่อจากนักธุรกิจรุ่นเก่า ๆ ในการเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองและประเทศชาติ” วงศกรกล่าวทิ้งท้าย