“สมคิด” ฝากหอการค้าช่วยชนบท แขวะคนบอกรัฐบาลไม่เห็นใจคนจน “เอาสมองส่วนไหนคิด”

สมคิดฝากหอค้าช่วยชนบทแขวะคนบอกรัฐบาลไม่เห็นใจคนจนเอาสมองส่วนไหนคิด

วันที่ 19 พฤศจิกายน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 35 ที่ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จังหวัดสุราษฏร์ธานี

ดร.สมคิด กล่าวว่า ภายในปีที่ผ่านมาหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลง โครงการใหญ่เริ่มออกมา การส่งออกดีขึ้น การขับเคลื่อนภาครัฐ ไม่ว่างบประมาณแผ่นดิน หรือ การช่วยเหลือจากรัฐวิสาหกิจ เกิดการลงทุนก้าวกระโดด โครงการหลายอย่างที่คิดใหม่เริ่มได้รับการยอมรับ แล้วจีดีพีมากขึ้น และเมื่อเดินทางไปงานต่างประเทศ ดูจากปัจจัยภายนอกจะรู้ว่าโอกาสมหาศาลกำลังรอเรา สังเกตประชุมอาเซียนซัมมิท แต่เดิมบวก3 ก็กลายเป็นบวก6 ประเทศยักษษ์ใหญ่พยามยามเคลื่อนย้ายมาเกี่ยวข้องกับการเติบโตของอาเซียน เพราะทุกคนรู้ว่าเอเชียคือ ศูนย์กลางเติบโต และ อาเซียนคือตัวกลางเชื่อมโยงทุกอย่าง ฉะนั้นความอยู่รอดแข็งแรงของอาเซียนจะทำให้เอเชียไปได้ดีด้วย ดังนั้นไม่ว่า จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ระยะหลังแม้แต่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และ มีแคนาดาโผล่ขึ้นมาอีกจึงชัดเจนว่าพื้นที่แถบนี้จะเป็นแอ่งการลุงทน การค้า การท่องเที่ยวที่สำคัญ

โดยเฉพาะประเทศไทยที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดที่ ฮ่องกงตัดสินใจตั้งศูนย์กลางค้าเศรษฐกิจที่เมืองไทยแทนเวียดนาม ภายในไม่ไถึง 6 เดือนที่เราเดินทางไปฮ่องกง นี่คือข้อพิสูจน์ว่านักลงทุนกำลังจะมา ใครบอกเมืองไทยแย่ จะกระอัก อย่าได้คิด เพราะโอกาสรอเราอยู่ ถ้าคิดเชิงบวก แล้วเร่งเครื่องก็จะทำให้โอกาสเป็นความจริง อยู่ที่สองมือพวกเรา

เศรษฐกิจไทยปีหน้าเชื่อว่าจะยิ่งดีกว่านี้ เพราะไม่เพียงตัวเลขจีดีพี แต่หลายอย่างที่รัฐบาลเริ่มหว่านเมล็ด 2 ปีที่ผ่านมาเริ่มออกผลให้เก็บเกี่ยว การส่งออกดีขึ้นแน่นอน เพราะการค้าโลกดีขึ้น การลงทุนจากเอกชนก็อยู่ที่พวกท่าน แต่เชื่อว่าปีหน้าจะดีมาก โอกาสก้าวต่อไปได้

อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องความยากจน และ เหลื่อมล้ำ ซึ่งไม่ใช่มีปัญหาแค่ไทย แต่จีน อินเดีย ก็มีเช่นกันเมื่อดูที่โครงสร้างเศรษฐกิจก็เป็นแบบเดียวกันคือสินค้าเกษตร ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาการจะพ้นจากความยากจน จะเป็นส่วนมหภาค ส่งออก ก่อนแล้วค่อยส่งผลสู่ซัพพลายเชน หรือ รากหญ้า แต่บางครั้งระบบเหล่านี้ ถ้าไม่เข้าไปช่วยผลักดันก็จะกระจุกตัวไม่ลงไปพื้นฐานข้างล่าง

“ที่คนบอกว่าดีขึ้นๆ ทำไมรากหญ้ายากจน รัฐบาลไม่เห็นใจคนจนใช่ไหม เอาสมองส่วนไหนคิด เอาปากที่ไหนมาพูด สิ่งเหล่านี้เกิดมานานแล้ว แต่มันแก้ไขได้ เพราะชัดเจนว่าอะไรคือต้นเหตุ อะไรคือปั้นปลาย สิ่งที่ชัดเจน คือ ทำยังไงจะให้ท้องถิ่นสำคัญที่สุด สมัยผมเรียนเศรษฐศาสตร์มีนักเศรษฐกิจพม่าคนหนึ่ง เขียนว่าการพัฒนาพื้นฐานจากชนบทท้องถิ่นสำคัญที่สุด แต่ในเมื่อชนบทที่มีแต่คนแก่ ไม่มีเทคโนโลยี การพัฒนาก็ไม่มีทางเป็นไปได้

ดังนั้นเราต้องโฟกัสชบบท อยากให้ปีหน้าทั้งปี หอการค้าโฟกัสท้องถิ่น ที่เป็นหัวใจ ขณะที่รัฐบาลไม่ช้าจะปลดล็อคเงินท้องถิ่น แสนล้านเอามาพัฒนาท้องถิ่น สร้างงาน สร้างรายได้ ท่องเที่ยว กฎที่ไม่ให้อบต.ทำท่องเที่ยว หาว่าเกินหน้าที่จะแก้ไขกฎระเบียบ ทำท่องเที่ยวชุมชน แต่ต้องคิดโครงการก่อน ไม่ใช่เดี๋ยวก็ทำถนนอีกแล้ว นี่คือบทบาทที่หอการค้าจะช่วยได้ เมื่อสร้างงานได้ แหล่งท่องเที่ยวได้ พัฒนาสินค้าชนบท จะเชื่อมกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ

ไม่แค่นั้น เราจะใช้ธกส. กระทรวงเกษตรฯ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะธนาคารของรัฐ เราจะชี้เป้าว่าหมู่บ้านไหนให้ปลูกอะไรเสริม แต่เราไม่ให้เขาเลิกปลูกสิ่งเดิม มันเป็นวิถีชีวิตของเขา เราไม่โง่ขนาดนั้น แต่เราจะจำกัดความเสี่ยงเกษตรกรให้เหลือน้อยที่สุด โดยจะเจาะกลุ่มอินโนเวเตอร์ ซึ่งเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยงทำก่อน หาตลาดให้เขา จากเดิมกรีดแต่ยาง ก็หาปลูกอย่างอื่น ประสานร้านค้าประชารัฐ หอการค้าช่วยตลาดรองรับ ขายไม่หมดไม่เป็นไรถือว่าลงทุนให้ท้องถิ่น ส่วนกลุ่มวายอีซีนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีสมาชิกอยู่เป็นพันคนให้ลงไปช่วยเรื่องแพ็คกิ้ง ดีไซน์ มาเก็ตติ้ง แต่อย่าไปคิดไฮเทคมาก เพราะของเท้เมืองไทยคือเกษตร ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเข้มแข็ง ส่วนใครที่คิดว่าจะจำนำๆ อย่าเลือกมา เพราะอีกหน่อยมันจำนำประเทศแน่

ขณะที่เรื่อง 4.0 ก็สำคัญมาก โลกเปลี่ยน แม้โอกาสมา แต่ถ้าปรับตัวช้าจะสู้ไม่ได้ ดังนั้นเราต้องเตียมพร้อม เอกชนพร้อม ตื่นตัว ที่ทำโครงการไทยเท่นั้นดีมากเป็นการเพิ่มมูลค่า และ ต้องช่วยให้ทั้งประเทศตื่นตัว 4.0 เพราะภายในไตรมาสแรกของปีหน้าการจัดซื้อจัดจ้าง ระหว่างรัฐบาล กับ รัฐบาล รัฐบาล กับเอกชน ต้องผ่านอี เพย์เมนต์ ใครกลัวเสียภาษีย้อนหลัง จะเห็นว่าที่เข้ามาก่อนไม่มีเก็บภาษีย้อนหลัง แต่จะนับหนึ่งใหม่ ดังนั้นเลือกว่าจะเป็นพลเมืองดี หรือ เจ๊ง จะเลือกอะไร