โอท็อปไทยชูสินค้าพรีเมี่ยม-ตั้งเป้าปี’65 ดันยอด 5 หมื่นล้าน

ประธานเครือข่ายโอท็อปไทยระบุ ปี’65 ตั้งเป้ายอดขายโอท็อปไทย 50,000 ล้านบาท คาดงานโอท็อปทั่วไทยสู้ภัยโควิด-19 ที่เมืองทองธานี 18-26 มกราคม 2565 กวาดรายได้ 5 พันล้านบาท ชูอัญมณี ผ้าไทยลายขอ ของใช้พรีเมี่ยม ตอบโจทย์กลุ่มกำลังซื้อสูงตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน พร้อมจัดกระเช้าของฝากปีใหม่ ผลักดันผู้ประกอบการโอท็อป 1-2 ดาว ฟื้นตัวจากพิษโควิด-19 ขณะที่ภูเก็ตเปิดฉากดันยอดขายสินค้าโอท็อปแล้ว 1 ล้านบาท/วัน

นายพงศ์สวัสดิ์ ยอดสุรางค์ ประธานเครือข่ายโอท็อปไทย ประธานเครือข่ายโอท็อปภาคใต้ และประธานคณะกรรมการเครือข่ายโอท็อป (OTOP) จังหวัดสงขลา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า

ในปี 2565 ได้ตั้งเป้ายอดขายสินค้าโอท็อปทั่วประเทศไว้ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท หรือประมาณ 50% ครึ่งหนึ่งจากยอดขายภาพรวมในช่วงเหตุการณ์ปกติก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทั้งประเทศ ประมาณ 100,000 ล้านบาท/ปี

ทั้งนี้ การจัดงานโอท็อปทั่วไทยสู้ภัยโควิด-19 จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 18-26 มกราคม 2565 เพื่อระบายผลิตภัณฑ์โอท็อปทั่วประเทศ จำนวน 3,000 บูท ที่ไม่ได้ขายและชะลอตัวมากว่า 2 ปี

โดยการสนับสนุนของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท จากเดิมที่ทำยอดขายในงานได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท

“การจัดงานโอท็อปที่เมืองทองธานี จะมีกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงมาเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ มากมาย สินค้ายอดนิยมที่ทำรายได้ดีมากคือ อัญมณี ซึ่งมีราคาสูงนับล้าน

ถัดมาเป็นผ้าไหมจากภาคอีสาน ภาคเหนือ ชิ้นละ 100,000-1,000,000 บาท โดยเฉพาะผ้าลายขอพระราชทาน และของใช้พรีเมี่ยม เป็นต้น”

ทั้งนี้ เป้าหมายในการจัดงานก็เพื่อให้ผู้ประกอบการสินค้าโอท็อปได้ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 หลังจากที่ชะลอตัวไปนานกว่า 2 ปี นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กระดับ 1-2 ดาว ที่เพิ่งเริ่มต้นทำสินค้าโอท็อปอีกด้วย

โดยในกลุ่มนี้มีอยู่นับแสนราย มีสัดส่วนอยู่ในเครือข่ายผู้ผลิตสินค้าโอท็อปประมาณ 30-40% ทำสินค้าผลิตภัณฑ์โอท็อปจำนวน 5 รูปแบบ คือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อัญมณี สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร อาหาร เครื่องดื่ม

และของใช้ของที่ระลึก นอกนั้นยังมีการจัดอีเวนต์ขายผลิตภัณฑ์โอท็อปปีใหม่ และจัดกระเช้าของฝากปีใหม่ของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย

นายพงศ์สวัสดิ์กล่าวว่า ในภาคใต้จะมีการจัดงานโอท็อปดังกล่าวที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา กับห้างบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้าอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะเดียวกัน กลุ่มโอท็อปเพื่อการตลาดจังหวัดสงขลา (กลุ่มกิจการเพื่อสังคม)

ได้จัดงานโอท็อปทั่วไทยสู้ภัยโควิด-19 ฉลองปีใหม่ จำนวน 300 บูท ระหว่างวันที่ 21-30 มกราคม 25865 ขึ้นที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) หาดใหญ่

“กลุ่มโอท็อปเพื่อการตลาดจังหวัดสงขลา (กลุ่มกิจการเพื่อสังคม) ซึ่งเป็นเครือข่ายโอท็อปจังหวัดสงขลา จะมีการจัดกิจกรรมงานโอท็อปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2565 หลังจากได้จุดพลุจัดอีเวนต์งานโอท็อปที่จังหวัดภูเก็ต วันที่ 3-12 ธันวาคม 2564 ที่สร้างเงินสะพัดได้กว่าวันละ 1 ล้านบาท”

นอกจากนี้ ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อบจ.พัทลุง อ.เมือง จ.พัทลุง ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลกระเช้าของขวัญปีใหม่ 2565

ภายใต้แนวคิด “ปีใหม่ วิถีใหม่ มอบกระเช้าโอท็อปให้แก่กัน แบ่งปันรายได้สู่ชุมชน” ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2564-15 มกราคม 2565 ที่ศูนย์โอท็อป อบจ.พัทลุง โดยมีสินค้าผลิตภัณฑ์จากชุมชนมาจำหน่ายมากกว่า 450 รายการ

จากกลุ่มผู้ผลิตสินค้ามากกว่า 110 ราย คาดว่าจะสร้างรายได้ในช่วงเทศกาลไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท

นายเสรี จิตรเวช พัฒนาการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า จ.พัทลุงมีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โอท็อป 1,073 ราย มีผลิตภัณฑ์รวมทั้งสิ้น 2,776 ผลิตภัณฑ์ ล่าสุดในปี 2562 จ.พัทลุง ได้ผ่านการคัดสรรผลิตภัณฑ์โอท็อป 260 ผลิตภัณฑ์

และได้คัดสรรเป็นสินค้าระดับ 5 ดาว มากถึง 70 ผิตภัณฑ์ ทำให้มีผลิตภัณฑ์ระดับ 5 ดาวเป็นจำนวนมาก เช่น ข้าวสังข์หยด ปลาดุกร้าทะเลน้อย ผลิตภัณฑ์กระจูดทะเลน้อย สามารถส่งจำหน่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่ระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2564 จ.พัทลุงมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อป รวมทั้งสิ้นประมาณ 170 ล้านบาท แยกเป็นส่งขายในประเทศ 160 ล้านบาท

และส่งขายต่างประเทศ 10 ล้านบาท ถือว่ายอดจำหน่ายสินค้าลดลงไม่มากนักจากช่วงปกติ และคาดว่าในปี 2565 จ.พัทลุงจะมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปไม่น้อยกว่า 180 ล้านบาท”