ผู้ว่าฯพิษณุโลกเร่งตรวจเชิงรุกผู้ต้องขัง 2,500 คน หลังติดเชื้อพุ่ง 70%

ผู้ว่าฯพิษณุโลกเร่งตรวจเชิงรุกผู้ต้องขังในเรือนจำทั้งหมด 2,500 คน หลังพบโควิดแพร่ระบาดกว่า 70% พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามภายใน 500 เตียงรองรับ

อัพเดตสถานการณ์โควิดเรือนจำพิษณุโลก เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2564 ที่ห้องประชุมบุญญวงศ์วิโรจน์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก, นายแพทย์ไกรสุข เพชระบูรณิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก, นายแพทย์สุชาติ พรเจริญพงศ์ ผอ.รพ.พุทธชินราช และ นายมงคล จันทะจร ผู้บัญชาการเรือนจังหวัดพิษณุโลก แถลงข่าวความคืบหน้าของการดำเนินการต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลัสเตอร์ใหญ่ ในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ที่วานนี้ได้มีการตรวจ ATK ไปจำนวน 2,190 ราย แล้วปรากฏว่ามีผลเป็นบวกถึงจำนวน 1,559 ราย

โดยวันนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับโรงพยาบาลวังทอง เข้าไปทำการ RT-PCR แก่ผู้ต้องขังที่มีผลตรวจเป็นลบอีกครั้ง โดยตรวจแบบสุ่มร้อยละ 20 และให้ยาทุกราย 50 เม็ด/คน/5 วัน โดยผลยังไม่ออกมา และยังได้ขอยาดังกล่าวเพิ่มเติมจากส่วนกลางมาเพิ่มอีก 150,000 เม็ด จากเดิมมีอยู่ 50,000 เม็ด

นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่พบผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกแล้ว 1,559 ราย จากการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้นำเครื่องเอ็กซเรย์ปอดเข้าไปตรวจแทนตั้งแต่ 17.00 น.วันนี้ และหากพบว่ามีการติดเชื้อลงสู่ปอดจะนำตัวส่งไปรักษายังโรงพยาบาลในทันที ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่มีอาการจะรักษาด้วยการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ภายในเรือนจำ

“โดยมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดคลัสเตอร์เรือนจำได้ เนื่องจากเป็นสถานที่ปิด และมีมาตรการบริหารจัดการตามแผนสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่าการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความหย่อนยานมาตรการด้านสาธารณสุขภายในเรือนจำพิษณุโลก เนื่องจากผู้ต้องขังรายใหม่ที่จะเข้าไปภายในเรือนจำจะต้องมีการคัดกรอง และกักตัวตามมาตรการที่เข้มข้นอยู่แล้ว

โดยการสืบสวนโรคยังไม่สามารถสันนิษฐานว่าอาจจะแพร่ระบาดมาจาก เกิดจากสาเหตุอะไรได้ และยังได้เตรียมการเปิดโรงพยาบาลสนามขนาด 500 เตียง โดยใช้บุคลากรจากโรงพยาบาลในจังหวัด และโรงพยาบาลเอกชน จะเปิดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป อีกทั้งวันพรุ่งนี้จะมีรถตรวจเชื้อพระราชทาน 2 คัน เข้าไปตรวจเพื่อหาเชื้อสำหรับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอีกครั้ง และคาดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในก่อนปีใหม่นี้”

นายรณชัย กล่าวต่อไปว่า คลัสเตอร์เรือนจำเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 10-11 ธ.ค. 2564 ปรากฏมีผู้ต้องขังในแดน 4 ป่วยมีอาการเป็น ไข้ หนาวสั่น มีน้ำมูกไหล เจ็บคอ แล้วเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของเรือนจำหลายราย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสุ่มตรวจ ATK แก่ผู้ต้องขัง จำนวน 505 คนแรก ผลเป็นบวก จำนวน 259 คน ผลเป็นลบ 246 คน

ต่อมาในวันที่ 12 ธ.ค. 2564 เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ของอำเภอวังทอง ได้เข้าดำเนินการสอบสวนโรคตามกระบวนการ และดำเนินการปูพรมตรวจ ATK ผู้ต้องขัง (แดน 4) ทุกราย ด้วยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน จำนวน 1,954 ราย พบผลเป็นบวก จำนวน 1,501 ราย ผลเป็นลบ จำนวน 453 ราย ผู้ต้องขังที่มีผลตรวจเป็นบวกได้จ่ายยาทันที ส่วนผู้ป่วยที่มีผลตรวจเป็นลบได้ดำเนินการคัดแยกเพื่อเฝ้าดูสังเกตอาการ

การดำเนินการทั่วไปนั้น ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิษณุโลก ได้สั่งการด่วนตามแผนเผชิญเหตุ ที่ได้ทำไว้ คือ

1.ส่งยาฟาวิพิราเวียร์ และชุดตรวจ ATK มาเพิ่มสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำพิษณุโลก อย่างพอเพียงแล้ว

2.ให้ทีมปฏิบัติการ Operation และทีม Logistics ของ สสจ.จังหวัดพิษณุโลก ตรวจสอบพื้นที่เพื่อทำการสนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับทางพื้นที่โรงพยาบาลวังทองและสาธารณสุขอำเภอ โดยเร่งในการควบคุมและดูแลรักษาโรคให้อยู่ในความเรียบร้อย

โดยให้ทำการประสานกับทีมต่าง ๆ ของจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบูรณาการร่วมกัน ในการดูแลรักษาผู้ต้องขังในเรือนจำให้มีความปลอดภัย ด้วยการระดมตรวจ ATK ใน ผู้ต้องขังเรือนจำทั้งหมด จำนวนประมาณ 2,500 คน แล้วแยกเป็นกลุ่ม ATK เป็นบวก และเป็นลบ แล้วคัดกรองออกซิเจนปลายนิ้วในกลุ่มที่ ATK เป็นบวก พร้อมให้ทานยาฟาวิพิราเวียร์ทันที แล้วแยกกลุ่มสีแดงออกมาก่อน ด้วยการวัดออกซิเจนปลายนิ้วแล้วนำตัวมารักษาในโรงพยาบาล ป้องกันการเสียชีวิต และยังไม่ได้ทำการตรวจ RT-PCR แต่ได้แยกโซนผู้ต้องขังไว้ และทำการให้ยาฟาวิพิราเวียร์

ส่วนผู้ป่วยที่เป็นสีเหลือง ก็จะแยกออกมารักษาที่ รพ.วังทอง และหากอาการหนักก็จะส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ส่วนผู้ต้องขังที่ตรวจผลเป็นลบนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไปทำการตรวจอีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโควิด