“อัฐภิญญา ธาราศักดิ์” ไอเดียไม่สิ้นสุด ใส่ฟังก์ชั่นครกหิน ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

คอลัมน์ New Gen 4.0

“ครก” เครื่องใช้ที่อยู่คู่ครัวมายาวนาน แทบทุกหลังคาเรือนจะต้องมีใช้ประกอบการอาหาร แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยน ครกรูปร่างหน้าตาเดิม ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคเท่าที่ควร ผู้ประกอบการหลายรายต่างรู้โจทย์ใหม่นี้ จึงเริ่มปรับตัว เช่นเดียวกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มผลิตภัณฑ์จากหิน ศิลาทิพย์ อ.เมือง จ.ตาก ล่าสุดพัฒนาครกหูหิ้ว รุ่น “พักพิงคว่ำ” สุดเก๋ ตอบโจทย์ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้พูดคุยกับ “กุ๊ก-อัฐภิญญา ธาราศักดิ์” รองประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มผลิตภัณฑ์จากหิน ศิลาทิพย์ อ.เมือง จ.ตาก ผู้ผลิตครกหินและผลิตภัณฑ์จากหิน ถึงที่มาว่า ได้เข้ามาช่วยสามี “ธารา ธาราศักดิ์” ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่เข้ามาสานต่อธุรกิจผลิตครกหินต่อจากรุ่นพ่อแม่และปู่ย่า ภายใต้แบรนด์ศิลาทิพย์ (SILATHIP) ประกอบกับชื่นชอบศิลปะ จึงทำให้เกิดการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยสิ่งที่เป็นจุดเด่นของศิลาทิพย์ คือวัสดุหลักอย่างหินแกรนิตของ จ.ตาก แหล่งหินที่มีเนื้อแข็งแรงที่สุดในประเทศก็ว่าได้

จากเสียงสะท้อนของลูกค้า โดยเฉพาะกรณีสากตกหัก เป็นการจุดประกายความคิดทำครกหูหิ้ว รุ่น “พักพิงคว่ำ” ขึ้นมา และด้วยความที่ต้องเข้าครัวเอง จึงคิดว่าครกน่าจะให้สากพักหรือพิงได้ โดยปี 2558 ได้ส่งครกรุ่นพักพิงคว่ำ เข้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ จ.ตาก โดยตัวครกเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ด้านข้างมีหูจับ ตรงกลางระหว่างสี่เหลี่ยมมีร่องสำหรับวางสาก และด้านข้างสามารถนำสากมาพิงได้ แต่ยังพบปัญหาความยาวสากไม่พอดีกับครก

จากนั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใช้ระยะเวลากว่า 2 ปี จึงได้ครกหูหิ้ว รุ่นพักพิงคว่ำ เป็นครกทรงแก้วตานารี เมื่อมองจากด้านบนมีลักษณะเหมือนตา ซึ่งสามารถพักและพิงสาก รวมถึงสามารถจับเทน้ำได้อย่างสบาย พร้อมกันนั้นพัฒนาแพ็กเกจจิ้ง โดยออกแบบให้เป็นร่อง สามารถนำเชือกร้อยเข้าไปแล้วทำเป็นหูหิ้วสำหรับถือ ซึ่งรุ่นนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งที่ซื้อไปใช้เอง เป็นของฝาก ของขวัญให้ผู้ใหญ่ ใช้ในงานแต่งงาน ถวายวัด รวมถึงพกไปใช้ต่างจังหวัด

“ที่ผ่านมาได้ส่งผลงานเข้าประกวด ครกหินศิลาทิพย์ได้รับรางวัลโอท็อป 5 ดาวของ จ.ตาก และล่าสุดครกหูหิ้ว รุ่นพักพิงคว่ำ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 หมวดช็อป จากการประกวดไทยเท่ทั่วไทยของหอการค้าไทย ซึ่งมองว่าความเท่อยู่ที่ความเป็นตัวของตัวเอง จากหินแกรนิต 1 ก้อน ผ่านการคิด ออกแบบ ทุ่มเท และลงมือทำ พัฒนาจนเป็นครกรูปทรงแก้วตานารี ที่สามารถพัก พิง คว่ำ และหิ้วได้ หล่อหลอมให้หิน 1 ก้อน มีความสมบูรณ์แบบและจับต้องได้ จากความคิดที่แตกต่าง ครกของเราจึงแตกต่าง แต่ก็เท่แบบมีคุณค่าในตัวเอง”

“อัฐภิญญา” อธิบายว่า จริง ๆ แล้วหินหนึ่งก้อนสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง คือ ด้านในทำเป็นครกได้ 1 ใบ ส่วนหัวและท้ายของหินแกรนิต สามารถนำมาทำเป็นจานได้ 2 ใบ ขณะที่ตรงกลางที่เหลือเป็นลักษณะกลม ๆ สามารถใส่ปูนเข้าไปทำเป็นกระถางต้นไม้ได้อีก ขณะที่เปลือกหินด้านนอกที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ก็สามารถนำมาทำเป็นกระถางต้นไม้ได้เช่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้นเศษฝุ่นที่ได้จากกระบวนการเจาะหินนั้น ก็ยังสามารถนำมาพัฒนาเป็นเครื่องประดับได้อีกด้วย ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มผลิตแล้ว เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้ชาย โดยทดลองตลาดที่ สปป.ลาว

ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์จากหิน ศิลาทิพย์ มีครกตั้งแต่ทรงโบราณไปจนถึงทรงโมเดิร์น ที่มีให้เลือกมากกว่า 10 แบบ เช่น ทรงกะลา กระบอก เหลี่ยม สับปะรด ดอกไม้ เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตโดยเฉลี่ย ไซซ์ปกติ ขนาด 5 นิ้ว ประมาณ 400 ลูก/เดือน ไซซ์เล็ก ขนาด 2.5-4 นิ้ว ประมาณ 800 ลูก/เดือน ซึ่งในแต่ละสัปดาห์จะผลิตสลับกันไป เช่น สัปดาห์แรกผลิตไซซ์เล็ก สัปดาห์ถัดไปผลิตไซซ์ปกติ เป็นต้น มีราคาตั้งแต่ 120-1,000 บาท นอกจากนี้ยังรับผลิตตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าต้องการด้วย

รวมไปถึงจาน ชาม ถ้วย ที่ทำจากหินแกรนิต สามารถตั้งบนเตาแก๊ส และเข้าไมโครเวฟได้ จึงทำให้มีคุณสมบัติเก็บความร้อนและความเย็นได้ดี อีกทั้งยังมีหินนวดมือ หินนวดกดจุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแพ็กเกจจิ้ง คาดว่าจะสามารถวางจำหน่ายได้ช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้มีงานแกะสลักต่าง ๆ ได้แก่ เสมา ลูกนิมิต ช้าง สิงโต เป็นต้น

โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นนั้นเป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมด โดยจำหน่ายในประเทศกว่า 80% ช่องทางออนไลน์ และมีลูกค้าติดต่อส่งออกต่างประเทศประมาณ 20% ได้แก่ ฮ่องกง เมียนมา ขณะเดียวกันกำลังดูตลาดอื่น ๆ ในอาเซียน เช่น จีน สปป.ลาว เพราะคิดว่าอยากให้ลูกค้าของเราในต่างประเทศได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

และเมื่อถามถึงคู่แข่งในเส้นทางอาชีพนี้ “อัฐภิญญา” บอกว่า ปัจจุบันการแข่งขันก็สูงขึ้น ดังนั้นนอกเหนือจากจุดเด่นวัสดุหลักที่มีแล้ว เราต้องสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงต้องใช้ใจ เนื่องจากหินแกรนิตนั้น เป็นหินธรรมชาติ บางครั้งอาจจะมีครกที่ไม่มีคุณภาพ เช่น มองภายนอกดูดีโอเค แต่ด้านในอาจจะมีความร้าวอยู่ ซึ่งหากไม่ได้เป็นคนที่คลุกคลีกับสิ่งเหล่านี้ จะดูไม่ออกหรือไม่รู้

และสิ่งสำคัญคือ จะต้องไม่โกหกลูกค้า บอกลูกค้าตามตรงว่างานมีตำหนิ เพราะลูกค้าเสียเงินซื้อกับเราแล้ว ก็อยากให้ได้ของดี ๆ