“บ้านบางสน” ชุมพร ชูเที่ยว HomeLodge

ชุมพรถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในโซนภาคใต้และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ การท่องเที่ยวชุมชนคลอง ตำบลบางสน อำเภอปะทิว ก็เป็นอีกกิจกรรมที่กำลังได้รับความนิยม

“สมโชค พันธุรัตน์” ประธานกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนคลองบางสน เล่าให้ “ประชาชาติธุรกิจ” ฟังว่า เมื่อปี 2552 เริ่มทำโฮมสเตย์จากจุดเล็ก ๆ ในพื้นที่บ้านของตนเอง โดยมีแนวคิดที่ว่าทำอย่างไรให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยว จึงได้มีการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นวิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลบางสน

“สมโชค” เล่าว่า ช่วงแรกมีการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “โฮมสเตย์บ้านไม้ชายคลอง บ้านบางสน” รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านงานประชุมองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก ทำให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ช่วงปี 2554-2555 ตอนเริ่มทำครั้งแรกรองรับนักท่องเที่ยวประมาณ 4-5 คน มีเพียงพื้นที่บ้านตนเอง

ปัจจุบันในชุมชนมีโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวทั้งหมด 5 หลัง ได้รับมาตรฐาน Home Lodge จาก 22 แห่งในจังหวัดชุมพรซึ่งเป็นมาตรฐานที่พักนักเดินทางสะอาด สะดวก ปลอดภัย เป็นธรรม รักษ์สิ่งแวดล้อม และไกลโควิด รับรองนักท่องเที่ยวได้หลังละ 20 คน ปัจจุบันทางกลุ่มมีสมาชิกทั้งหมด 40-50 ครัวเรือน

“ค่าห้องพักของเราเริ่มต้นที่ 900 บาท/คน/คืน พร้อมอาหารทะเล 3 มื้อ รวมถึงชมแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ใช้เรือ หากต้องการล่องคลองชมหิ่งห้อย ราคา 150 บาท/คน ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ราคา 550 บาท/คนพร้อมอาหาร 1 มื้อ และนั่งเรือชมหิ่งห้อย ส่วนกิจกรรมดำน้ำชมปะการัง เราจะมีการทำอยู่ที่เกาะล้านเป็ดล้านไก่ เกาะไข่ เกาะหง่าม ราคาเริ่มต้น 500-1,300 บาท/คน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกโปรแกรมกิจกรรมได้ ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับโปรแกรม ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่มาจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมกว่า 80%”

ขณะเดียวกันในชุมชนยังมีการทำธนาคารปูม้า โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2560-2561 เพราะมีการทำงานอนุรักษ์ ได้รับการสนับสนุนจากทางสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เข้ามาให้องค์ความรู้ มีโจทย์และหัวใจสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้กระบวนการท่องเที่ยวกับงานอนุรักษ์ไปด้วยกันได้ จึงจัดทำธนาคารปูม้าขึ้น เริ่มต้นด้วยการเข้าไปพูดคุยกับชุมชนชาวประมงในพื้นที่อย่างแพปลา ขอยืมแม่พันธุ์ปูม้าที่เตรียมวางไข่มาเขี่ยไข่ออก และเอาแม่พันธุ์ไปคืน

ทั้งนี้ การสังเกตไข่ของปูจะมีอยู่ 3 ช่วง คือ 1) ไข่เหลืองส้ม เมื่อผ่านไปประมาณ 5-6 วันจะปรับจากเหลืองส้มเข้าสู่ช่วงที่ 2) เป็นสีเทาดำ หลังจากนั้น ประมาณ 2 วันก็จะปรับเป็นช่วงที่ 3) เป็นสีดำ จึงจะสามารถเขี่ยไข่ออกได้ เมื่อเขี่ยไข่ออกมาเป็นปูตัวเล็ก ๆ ก็จะปล่อยลงสู่ทะเล ใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือน จึงจะสามารถจับปูที่เติบโตขึ้นมาประกอบอาหารได้ น้ำหนักของปู 6-7 ตัวจะอยู่ที่ 1 กิโลกรัม ซึ่งโครงการดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวได้ความรู้เกี่ยวกับวงจรของปูม้าตั้งแต่ผสมพันธุ์ วางไข่ เอาไปปล่อยลงสู่ทะเล

“หลังจากมีการปล่อยปูม้าลงทะเล ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือชาวประมง ที่มีการจับปูม้าแล้วนำมาขายให้สถานที่พัก ทำให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เสน่ห์ของการท่องเที่ยวที่นี่คือการรับประทานอาหารทะเลสด ๆ ช่วงมีปูม้าเยอะสุดจะเป็นช่วงหน้ามรสุมประมาณเดือนตุลาคม”

นอกจากนี้ ชุมชนของเรากำลังทำโปรเจ็กต์ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชื่อโครงการว่า “บางสนโมเดล” มีกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เนื่องจากตำบลบางสนมีทั้งหมด 8 หมู่บ้าน มีอาชีพเป็นเกษตรกร 80% เป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว อาทิ ต้นยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว อาชีพประมง 15% และค้าขาย รับจ้างทั่วไป 5%

โดยต้นน้ำวางเป้าหมายไว้เกี่ยวกับภาคการเกษตร ว่าจะทำอย่างไรให้ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มีปริมาณเพิ่มขึ้น แต่ลดการใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลง กลางน้ำคือการแปรรูปสินค้าในชุมชน ส่งเสริมการทำตลาดออนไลน์และการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง ปลายน้ำคือการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว โดยมีโจทย์ว่าท่องเที่ยวแบบไหนและอนุรักษ์อย่างไรให้มีความยั่งยืน

สุดท้ายแล้วจะเกิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนในเชิงเรียนรู้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาเรียนรู้กระบวนการการจัดการไปสู่การมีรายได้ ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน

“สมโชค” บอกว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบจนนักท่องเที่ยวลดลงไปปัจจุบันสถานการณ์เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นกรุ๊ปเล็กมาแบบครอบครัว ไม่เกิน 5-10 คน นิยมมาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

“ตอนนี้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนเริ่มหาการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่แออัด เรามองว่าเป็นโอกาสของท่องเที่ยวชุมชน สำหรับลูกค้าที่มาเที่ยวทางเราจะมีกิจกรรมให้ร่วมมากมาย อาทิ ล่องคลอง ปลูกป่าชายเลน นั่งเรือชมหิ่งห้อย หาหอยพูกัน ดำน้ำดูปะการัง ตกหมึกตกปลา ปล่อยปูม้าลงทะเล เป็นต้น ช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และปลายปีช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน เพราะน้ำทะเลใส ไม่มีฝน”