งานเบิกฟ้า “เกาะสุกร” สวรรค์อันดามัน กินแตง-แหลงใต้-แลควายเล-เข๋ซาเล้ง

เกาะสุกร เกาะกลางทะเลตรัง ฝั่งอันดามัน ตั้งในเขตพื้นที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสภาพภูมิประเทศที่สวยงาม มีทั้งชายหาด ภูเขา และยังเป็นเกาะเดียวในจังหวัดที่มีการปลูกข้าว โดยกว่า 90% ประชากรเป็นพี่น้องชาวมุสลิม

ภาพของท้องทุ่งนากว้างใหญ่สร้างความผ่อนคลาย และยังเพลินตาเพลินใจกับฝูงควายอีกกว่า 300 ตัว ที่ลงเล่นน้ำในทะเล กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมาที่นี่ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลที่แชร์ต่อกันไป ยิ่งปลุกกระแสเกาะสุกรฟีเวอร์แรงขึ้นตามลำดับ ทำให้ปัจจุบันเริ่มมีนักธุรกิจเข้ามาจับจองพื้นที่สร้างรีสอร์ต บังกะโล ที่พักอาศัยรองรับนักท่องเที่ยวแล้วหลายสิบราย

“ราตรี จิตรหลัง” นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะสุกร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันเกาะสุกรเริ่มมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี มีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉลี่ยแต่ละปีไม่น้อยกว่า 10,000 คน โดยเฉพาะต่างประเทศจะเข้ามาพักอาศัยอยู่ค่อนข้างยาวนาน บางรายพาครอบครัวเข้ามาอยู่นับเดือน ทำให้นักลงทุนเริ่มมาสร้างรีสอร์ตในพื้นที่แล้วกว่า 100 ห้อง และจากปริมาณที่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้ชาวบ้านบนเกาะมีรายได้ดีขึ้นตามลำดับ มีอาชีพบริการด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจจำหน่ายอาหารพื้นบ้าน ธุรกิจรถซาเล้ง รับนักท่องเที่ยวเที่ยวรอบเกาะ เป็นต้น

“จากการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น เรามีการคุยกันในพื้นที่ว่า จะรักษาวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์ดั้งเดิมของชุมชนไว้ให้มากที่สุด แต่จะดึงความเป็นอัตลักษณ์ที่ดีขึ้นมาพัฒนาให้เด่นขึ้น เพื่อสร้างความแปลกใหม่ด้านการท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน โดยเราจะอนุรักษ์ผืนนาที่สวยงามริมชายหาด สร้างถนนรอบเกาะที่ด้านหนึ่งเป็นชายหาด อีกด้านเป็นทุ่งนา มีควายกว่า 300 ตัวนอนในปักโคลนและลงเล่นน้ำทะเล ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และสวนแตงโมริมชายทะเลหลายสิบไร่ที่ให้ผลผลิตในช่วงปลายปี สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านบนเกาะปีละนับ 10 ล้านบาท ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของเกาะสุกร ที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้มาเยือนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” นางราตรีกล่าว

ชัดเจนว่าเกาะสุกรมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวังตรัง ล่าสุดมีกำหนดจัดงาน “เบิกฟ้าอันดามัน@ เกาะสุกร : กินแตง แหลงใต้ แลควายเล เข๋ซาเล้ง” ขึ้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560-1 มกราคม 2561 โดยจัดให้มีกิจกรรมหลากหลายและกิจกรรมพิเศษ คือ countdown ชาวเล เท่ไม่มีแอลกอฮอล์

“กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตรัง เปิดเผยว่า เกาะสุกรเป็น 1 ใน 12 ชุมชนสีเขียวเที่ยวได้ทั้งปี @ ตรัง มีความโดดเด่นและมีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นชุมชนที่มีความเป็นวิถีไทยครบวงจร ทั้งการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สวยงามกับวิถีนา และไร่แตงโมบนเกาะ รวมทั้งวิถีเลของชาวประมงพื้นบ้าน และเป็นเกาะในฝันของนักปั่นจักรยาน รวมถึงความอร่อยของแตงโมหวานกรอบที่ขึ้นชื่อ ที่สำคัญมีอาหารที่เป็นตำนาน คือ แกงไก่ตายาย ขนมตาหยาบ ขนมคล้องใจ

นอกจากนี้ ยังมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ บ่อน้ำจืดและสันหลังมังกรที่สวยงาม 2 แห่ง คือ สันหลังมังกรหยก และสันหลังมังกรทับทิมสยาม อยู่ในทะเลบริเวณเกาะสุกร

ว่ากันว่าใครได้ไปเหยียบสันหลังมังกรถือว่าได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่จากเจ้าทะเล ชีวิตจะเจอแต่สิ่งที่ดีงาม

“การท่องเที่ยววิถีไทย วิถีชุมชน เป็นการท่องเที่ยวที่มีความเรียบง่าย และจังหวัดตรังถือว่ามีต้นทุนสูง เพราะมีความหลากหลายของชุมชน อีกทั้งประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีหนึ่งเดียวในประเทศ เช่น สงกรานต์น้ำหอม ประเพณีแข่งลูกลม ประเพณีไหว้พระจันทร์ ประเพณีชักพระข้ามทะเล ตรังจึงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์น่าค้นหา และระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2561 มีงานวิวาห์ใต้สมุทร หนึ่งเดียวในประเทศไทยเช่นกัน และทั้งหมดนี้เรียกได้ว่า เป็นการท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน”

ด้าน “ศุภศักดิ์ ศรีหมาน” ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ร่วมกับทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดสร้างจุดชมวิว การพัฒนาปรับภูมิทัศน์บ่อน้ำจืดกลางทะเล การก่อสร้างถนนรอบเกาะ และการก่อสร้างถนนสำหรับเป็นเส้นทางปั่นจักรยาน ชมความงามของธรรมชาติและภูมิประเทศบนเกาะสุกร ที่ถือว่าเป็นเกาะที่มีความโรแมนติก สวยงาม ดังนั้นการมาท่องเที่ยวบนเกาะสุกรจึงมีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางจากจังหวัดที่มีระยะทางมาถึงท่าเรือประมาณ 47 กิโลเมตร และนั่งเรือหางยาวจากท่าเรือมาบนเกาะสุกรใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น เมื่อขึ้นมาบนเกาะแล้วสามารถเที่ยวชมความสวยงามต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

ขณะที่ “ศิริพัฒ พัฒกุล” ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ตนได้เน้นให้เกาะสุกรพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง ไม่ต้องไปตามแบบใคร เพราะหลายแห่งมองว่าเกาะสุกรมีความสวยงามในตัวเอง ดังนั้นต้องเอาจุดเด่นของตนเองมาเป็นจุดขาย ทั้งความสวยงามของท้องทุ่งนาติดกับชายหาดทะเล สวนแตงโมยาวเหยียดริมชายหาด แตงโมที่มีรสชาติหวานอร่อยไม่เหมือนใคร ควายทะเล ที่มีแหล่งคลุกโคลนที่ได้ชื่อว่าเป็นสปา เรื่องของอาหารการกิน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ผลิตภัณฑ์สินค้าจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งการแปรรูปอาหารทะเล ผ้าบาติกอันเลื่องชื่อ ล้วนพัฒนาขึ้นมาเป็นจุดขายได้อย่างสบาย ๆ

เกาะสุกรในวันนี้จึงเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ ที่จะกลายเป็นเกาะสวรรค์แห่งอันดามันในใจนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน