CRC เผย Q2/65 รายได้โต 23% เร่งสปีดธุรกิจฝ่าปัจจัยลบรอบด้าน

“เซ็นทรัล รีเทล” เผยไตรมาส 2 ทำรายได้ 56,826 ล้าน โต 23% เดินหน้าตามแผนมุ่งขยายธุรกิจ ย้ำยังต้องระมัดระวัง ฝ่าแรงกดดัน “โควิด เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย” เน้นต่อยอดธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง

วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ปี 2565 ถือเป็นอีกช่วงของความท้าทาย ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมาระบาดซ้ำ แต่เซ็นทรัล รีเทล ยังเดินหน้าธุรกิจภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ CRC Retailligence การดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยังคงเป็นไปตามแผน

ญนน์ โภคทรัพย์
ญนน์ โภคทรัพย์

ทั้งนี้ การลงทุนต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เน้นต่อยอดธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง รวมไปถึงการปรับโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และการมองหาโอกาสในการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Inclusive Growth ร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกแห่งอนาคต

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 รายได้เติบโตอยู่ที่ 56,826 ล้านบาท (+23% YOY) EBITDA 6,912 ล้านบาท (+69% YOY) และกำไรสุทธิ 1,605 ล้านบาท (+477% YOY) โดยคิดเป็นสัดส่วนยอดขายตามกลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มฟู้ด 39% กลุ่มฮาร์ดไลน์ 36% และกลุ่มแฟชั่น 25% ส่วนยอดขายบนแพลตฟอร์มออมนิแชนเนล ยังคงเติบโตเลขสองหลัก คิดเป็น 17% ของยอดขายรวม

ปัจจุบันยอดทราฟฟิกกลับเข้าห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเครือพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และกลับมามียอดขายเทียบเท่ากับก่อนโควิด-19 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังไม่กลับมาเท่าเดิม

สำหรับครึ่งปีหลังของ 2565 เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าลุยลงทุนขยายธุรกิจ พร้อมทั้งเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ครอบคลุมทั้ง 3 ประเทศ ในทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มฟู้ด เปิดตัว Tops CLUB โมเดลธุรกิจใหม่ที่รวบรวมสินค้านำเข้า และสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดังจากทั่วโลกกว่า 3,500 รายการ เข้าตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ในราคาสำหรับสมาชิกเท่านั้น

โดยร้าน Tops CLUB แฟลกชิปสโตร์ จะพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการสาขาแรกปลายเดือนกันยายนนี้ ย่านพระราม 2 รวมไปถึงการขยายโมเดลท็อปส์ สแตนด์อะโลน เพิ่มอีก 2 สาขา

ด้านธุรกิจในเวียดนาม จะเห็นได้ว่าเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม มีการเติบโต ตั้งแต่ปี 2555 ที่เริ่มเข้าไปทำธุรกิจ และในเดือนกันยายนนี้จะมีการฉลองครบรอบความสำเร็จ 10 ปีของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ที่ปัจจุบันขึ้นเป็นผู้นำศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ GO!

โดยวางเป้าหมายจากนี้อีก 5 ปี จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มออมนิแชนเนลในกลุ่มฟู้ด และพร็อพเพอร์ตี้ของเวียดนามโต 2 เท่า เพื่อผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท

พร้อมขยายธุรกิจ เปิดท็อปส์ มาร์เก็ตเพิ่ม 2 สาขาในนครโฮจิมินห์ และเปิด go! Supermarket เพิ่ม 2 สาขา ได้แก่ สาขา Baria และ Binh Duong ทำให้ในปี 2565 ทั้งประเทศเวียดนาม จะมีท็อปส์ มาร์เก็ต 10 สาขา และ go! Supermarket 4 สาขา และพัฒนาโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ ให้ครอบคลุม 55 จังหวัดทั่วประเทศเวียดนามจากทั้งหมด 63 จังหวัด

โรบินสัน
ทางด้านกลุ่มแฟชั่น เตรียมเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสันเพิ่ม 2 สาขา ได้แก่ ถลาง (เปิด 25 สิงหาคม) และราชพฤกษ์ (เปิดเดือนตุลาคม) ทำให้ปี 2565 นี้ มีห้างสรรพสินค้าโรบินสันทั้งหมด 51 สาขา ควบคู่กับการรีโนเวตห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล 4 สาขา ได้แก่ พระราม 2 ลาดพร้าว ชิดลม รามอินทรา และห้างรีนาเชนเต ประเทศอิตาลี 2 สาขา ได้แก่ มิลาน และโรม ฟิอูเม

ตามด้วย กลุ่มฮาร์ดไลน์ เปิดไทวัสดุ และไทวัสดุ x บีเอ็นบีโฮม ไฮบริด ฟอร์แมท เพิ่ม 8 สาขา อาทิ สาขา บางแสน, น่าน, บางบอน ทำให้ปี 2565 นี้ มีไทวัสดุทั้งหมด 67 สาขา

เช่นเดียวกับกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เพิ่ม 2 สาขา ได้แก่ ถลาง (เปิด 25 สิงหาคม) และราชพฤกษ์ (เปิดเดือนตุลาคม) ทำให้ปี 2565 นี้ จะมีศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ทั้งประเทศรวม 27 สาขา

นายญนน์กล่าวต่อไปว่า จากความสำเร็จในครึ่งปีแรกของปี 2565 พิสูจน์ได้ว่าแผนกลยุทธ์การเติบโตเริ่มชัดเจน จากนี้จะเป็นการสานต่อในสิ่งที่เริ่มไว้อย่างจริงจังมากขึ้น แม้สถานการณ์ภาพรวมในครึ่งปีหลังจะยังมีแรงกดดันอีกหลายระลอก โดยมั่นใจว่าจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ และปี 2565 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต ทะลุเป้า 15-20% มุ่งสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกแห่งอนาคต