ไดกิ้นลดพึ่งพาจีน หันใช้ชิ้นส่วนญี่ปุ่น-อาเซียน

ไดกิ้น

ไดกิ้นดีเดย์ลดการใช้ชิ้นส่วนจีนภายในมีนาคม 2567 หลังล็อกดาวน์แดนมังกรพ่นพิษทำสายการผลิตสะดุด พร้อมหันพึ่งซัพพลายเออร์อาเซียน-ญี่ปุ่นแทน

วันที่ 21 กันยายน 2565 สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า ไดกิ้น หนึ่งในผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ เดินหน้าแผนลดการพึ่งพาชิ้นส่วนจากโรงงานในจีนลง หลังการล็อกดาวน์บ่อยครั้งทำให้การผลิตสินค้าของไดกิ้นสะดุดตามไปด้วย

ตามแผนนี้ไดกิ้นจะผลิตชิ้นส่วนบางชนิด เช่น แผงวงจรเอง พร้อมกับจัดหาชิ้นส่วนอื่น ๆ เช่น มอเตอร์ จากผู้ผลิตในญี่ปุ่นและอาเซียน รวมไปถึงหนุนให้ซัพพลายเออร์รายปัจจุบันที่มีโรงงานในจีนตั้งโรงงานในประเทศอื่น ๆ เพิ่มด้วยการเสนอความช่วยเหลือ อย่างอุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับสายการผลิต เพื่อช่วยลดต้นทุน และแม้จะยังจัดหาวาล์วและแผ่นโลหะขนาดใหญ่จากจีนเป็นหลัก แต่จะเริ่มติดต่อและจัดหาทั้ง 2 ชิ้นส่วนนี้จากแหล่งอื่นเผื่อกรณีฉุกเฉินไปพร้อมกันด้วย

โดยเครือข่ายซัพพลายเชนใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจากจีนนี้ มีกำหนดเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567

ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงปี 2558 เป็นต้นมา ยักษ์เครื่องปรับอากาศต้องอาศัยชิ้นส่วนจากจีนค่อนข้างมาก โดยเมื่อปี 2563 ชิ้นส่วนจากจีนมีสัดส่วนสูงถึง 35% ก่อนจะลดลงเป็น 20% ในปี 2564 แม้สัดส่วนจะลดลงแล้ว แต่การล็อกดาวน์ในกรุงเซี่ยงไฮ้ในปีนี้ ยังคงทำให้สายการผลิตมีปัญหา จนต้องหันมาผลิตแผงวงจรเองในโรงงานที่ญี่ปุ่น ก่อนจะเริ่มผลิตจากโรงงานในมาเลเซียเมื่อเร็ว ๆ นี้

แม้การเลือกใช้ชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ไดกิ้นมองว่า แผนนี้คุ้มค่าเมื่อพิจารณาถึงความมั่นคงต่อเนื่องของระบบซัพพลายเชนในสถานการณ์วิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับผู้ผลิตสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นรายอื่น ๆ เช่น นิสสัน ที่ขอให้ซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนบางชนิดนอกประเทศจีน หลังการล็อกดาวน์ในเซี่ยงไฮ้และเมืองอื่น ๆ ของจีน บีบให้บริษัทจำเป็นต้องปรับกำลังผลิตลงไปมาก ในขณะที่ไอริส โอยามะ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้ในบ้าน ย้ายฐานผลิตสินค้าพลาสติก 50 รายการ กลับมายังญี่ปุ่น เพราะปัญหาค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ