“สามย่านมิตรทาวน์” เดินเกมเกาะเทรนด์ธุรกิจรีเทลเปลี่ยน เผยหลังโควิดคลี่คลาย ทราฟฟิกกลับมาฟื้นตัว เปิดโอกาสรับผู้เช่าร้านอาหาร ร้านค้ารายเล็ก-รายใหญ่ ช่วยดึงลูกค้า พร้อมเพิ่มน้ำหนักการตลาด จัดอีเวนต์ปลุกบรรยากาศปลายปี ส่วนโครงการสีลมเอจ เปิดให้บริการเฟสแรกวันที่ 3 ตุลาคมนี้
นางสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) เจ้าของโครงการและผู้บริหารศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เทรนด์การทำธุรกิจรีเทลเปลี่ยนแปลงไป แม้จะมีออนไลน์ช็อปปิ้งเข้ามา แต่ยังไม่สามารถแทนที่รูปแบบการช็อปปิ้งในศูนย์การค้าได้ และจะเห็นว่าเทรนด์รีเทลเมืองไทยจะหันไปดึงร้านอาหารเข้ามาในศูนย์พร้อมกับการหาร้านค้าใหม่ ๆ ตั้งแต่แบรนด์รายเล็ก-รายใหญ่ เข้ามาช่วยดึงให้ทราฟฟิกมากขึ้น คาดการณ์ว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปลายปี ทุก ๆ ศูนย์การค้าจะมีทราฟฟิกมากขึ้น
เช่นเดียวกับสามย่านมิตรทาวน์ หลังโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ทราฟฟิกในศูนย์การค้ากลับมาเพิ่มขึ้น อยู่ประมาณ 7 หมื่นคนต่อวัน จากช่วงโควิดที่จะอยู่ประมาณ 5 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 35% และคาดการณ์ว่าเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคมจะเพิ่มอีก 10% และทุกครั้งที่มีการจัดอีเวนต์จะสามารถเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์ได้อย่างน้อย 20%
อีกทั้งสามย่านมิตรทาวน์ถือว่าเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีการผสมผสานระหว่างศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานเอาไว้ด้วยกัน ประกอบกับการหาร้านค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นคู่ค้าให้หลากหลายมากขึ้น ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคนไทย ได้แก่ นิสิตนักศึกษา 50% กลุ่มคนทำงาน 40% และกลุ่มครอบครัว 10% โดยสามย่านมิตรทาวน์ยังไม่เริ่มทำการตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ขณะนี้จะเริ่มเห็นเข้ามาเดินจับจ่ายในศูนย์บ้าง แต่ยังเป็นสัดส่วนที่ยังน้อย
นางสาวธีรนันท์กล่าวต่อไปว่า สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการวางแผนระยะสั้น พร้อมตั้งรับกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมผู้คนที่มีวิถีชีวิตเปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่ได้ปรับตัวอยู่กับโควิดได้แล้ว ประกอบกับภาครัฐประกาศให้โควิดเป็นโรคเฝ้าระวัง ไม่ต้องกักตัว เริ่ม 1 ตุลาคม ซึ่งทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ
ปัจจุบันสามย่านมิตรทาวน์เปิดให้บริการมาครบรอบ 3 ปี ภายใต้กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจรีเทลยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด “Inspiring Everyday Experiences” มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ใหม่ โดยมี DNA แตกต่างและมีความชัดเจน ทำให้การบริหารจัดการศูนย์การค้าให้เป็นมากกว่าห้างสรรพสินค้า แต่เป็นพื้นที่ที่เป็นหัวใจของชุมชน สนับสนุนให้ชุมชนรอบข้างได้เติบโตไปด้วยกัน พร้อมเน้นความเป็นพาร์ตเนอร์กับผู้เช่า ที่มีตั้งแต่รูปแบบบริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึงร้านค้าผู้เช่าขนาดเล็ก SMEs ให้อยู่รอดทั้ง 2 ฝ่าย โดยอัตราการเช่าพื้นที่ของร้านค้าในสามย่านมิตรทาวน์อยู่ที่ 97% แบ่งเป็นกลุ่มร้านอาหาร 50% นอกนั้นเป็นร้านค้าทั่วไป
“ต้องยอมรับว่า 3 ปีที่ผ่านมาที่การการระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการล็อกดาวน์ ช่วงนั้นศูนย์ไม่ได้เก็บค่าเช่า แต่เมื่อกลับมาเปิดให้บริการในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ทราฟฟิกกลับมา จึงไม่ได้มีส่วนลดให้ แต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นค่าเช่า ซึ่งคู่ค้าเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งในเดือนกันยายนเป็นช่วงต่อสัญญา จะมีบางร้านที่ไม่ได้ต่อสัญญา ซึ่งอยู่ราว ๆ 5% เท่านั้น จากนี้ได้เปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ค้ารายใหม่ ๆ เข้ามา และมีการจัดคอมมิวนิตี้ใช้พื้นที่ให้คนได้เข้ามาจัดกิจกรรมใหม่ ๆ โดยจะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ตามช่วงเวลาให้เหมาะสม” นางสาวธีรนันท์กล่าวและว่า
พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มน้ำหนักโปรแกรมการตลาดเพื่อสนับสนุนและโปรโมตคู่ค้า สิ่งสำคัญทีมงานต้องเปลี่ยนวิธีคิด เพราะจะทำการตลาดแบบสมัยก่อนไม่ได้แล้ว โดยต้องเกาะตามกระแสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงหาอีเวนต์ที่ตอบโจทย์ ภายใต้หลักการสิ่งไหนที่ทำแล้วเห็นผลก็ต้องทำต่อเนื่องไป ส่วนสิ่งไหนที่ไม่สำเร็จต้องหยุดไป
ปัจจัยที่ทำให้สามย่านมิตรทาวน์เป็นศูนย์ที่มีทราฟฟิกดีนั้นคือเรื่องสถานที่ ใจกลางเมือง บริเวณรอบ ๆ มีสำนักงานและที่อยู่อาศัย และติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่านที่อยู่ใน Top 10 ที่มีผู้ใช้บริการ 5 หมื่นคนต่อวัน และศูนย์ได้ตั้งเป้าหมายให้ทราฟฟิกกลับไปแตะ 80,000 คนต่อวัน ภายในปี 2565 ซึ่งจะมาจากส่วนสำคัญคือการจัดลานโปรโมชั่นที่เปลี่ยนไปอยู่เป็นระยะ
ในช่วงเวลา 3 เดือนที่เหลืออยู่ได้เตรียมจัดงานอีเวนต์จำนวน 3 งาน เริ่มตั้งแต่งานสามย่านมิตรทาวน์ครบรอบ 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน-21 ตุลาคม ตามด้วยงาน Celebrate Life New Year 2023 วันที่ 8 พฤศจิกายน-10 มกราคม 2566 และลานนมสามย่าน วันที่ 24-31 ธันวาคม 2565
นางสาวธีรนันท์กล่าวต่อถึงโครงการสีลมเอจ (SILOM EDGE) เตรียมเปิดให้บริการเฟสแรกในวันที่ 3 ตุลาคม ในบริเวณชั้น B และชั้น G ที่เป็นในส่วนของร้านอาหาร ส่วนที่เหลือจะเปิดวันที่ 26 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นในส่วนของร้านค้าซึ่งเป็นทำเลที่จะสามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาในไทย รวมถึงกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ กลุ่มนักเที่ยวกลางคืน โดยประเมินว่าจะมีทราฟฟิกเข้ามาสีลมเอจประมาณ 40,000 คนต่อวัน