สธ.เปิดแนวทางเบิก-ส่งวัคซีนโควิด หลังเข้าโหมดโรคติดต่อเฝ้าระวัง

โอภาส การย์กวินพงศ์
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวทางการเบิกและจัดส่งวัคซีนโควิด-19 และ LAAB หลังยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน สำรวจความต้องการขอวัคซีนกรณีเร่งด่วน การสำรองวัคซีน ฯลฯ

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ได้หารือถึงการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 และ LAAB หลังปรับลดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยมีแนวทางในการเบิกและจัดส่งดังนี้

1.กรมควบคุมโรคสำรวจความต้องการวัคซีนโควิด-19 และ LAAB (รอบปกติ) เดือนละ 1 ครั้ง ทุกวันที่ 20 ของเดือน โดยเป็นการเบิกล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน และให้จังหวัดรายงานความต้องการผ่านกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

2.กรมควบคุมโรค จัดส่งวัคซีนโควิด-19 และ LAAB รอบปกติ ภายในวันสุดท้ายของเดือนถัดไป

3.จังหวัดสำรองวัคซีนและ LAAB ที่มีอายุยาวอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไป เพื่อป้องกันการหมดอายุ เนื่องจากหลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องจัดจ้างส่งวัคซีนตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง พ.ศ. 2560 ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการจัดส่งเพิ่มขึ้น

4.การขอรับสนับสนุนวัคซีนและ LAAB เพิ่มเติม (นอกรอบปกติ) กรณีเร่งด่วน ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทำหนังสือถึงกรมควบคุมโรค ระบุชนิดและจำนวน รวมถึงวันเวลาที่ต้องการรับ และมารับที่คลังวัคซีนกรมควบคุมโรคโดยตรง ส่วนกรณีที่มีวัคซีนสำรองอยู่ในจังหวัดหรือเขตสุขภาพ สามารถบริหารจัดการเกลี่ยวัคซีนที่มีอยู่ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งหากเป็น LAAB จะใช้เวลาเตรียมการจัดส่งประมาณ 5 วัน

ขณะเดียวกัน ยังเผยผลการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody : LAAB) ว่า ผลการศึกษาวิจัยการใช้ LAAB ขนาด 600 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตนั้น

พบว่าการให้เพื่อการรักษาภายใน 5-7 วันหลังมีอาการ สามารถลดการเกิดโรครุนแรงหรือเสียชีวิตได้ 50-67% และสูงถึง 88% ถ้าได้รับเร็วภายใน 3 วันหลังเริ่มมีอาการ จึงเป็นข้อสนับสนุนในการนำภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปมาใช้เพื่อการรักษาอีกทางหนึ่ง