“แคนนอน” ปั้นอุปกรณ์แพทย์ เพิ่มรายได้เสริม “กล้อง”

คอลัมน์ Market Move

การหดตัวของตลาดกล้องดิจิทัลต่อเนื่องนานกว่า 5 ปีจากการรุกตลาดของสมาร์ทโฟนที่เข้ามาแทนที่กล้องคอมแพ็กต์ ทำให้แม้แต่แบรนด์กล้องยักษ์ใหญ่อย่างแคนนอน สูญเสียรายได้และส่วนแบ่งตลาดจนต้องเร่งปรับตัวทั้งด้านสินค้าและตัวองค์กร ไม่ว่าจะเป็นลอนช์กล้องมิเรอร์เลส เข้าซื้อกิจการเซ็กเมนต์อื่น ๆ ที่มีโอกาสเติบโตอย่างอุปกรณ์การแพทย์

ล่าสุด “แคนนอน” สามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง หลังกำไรสุทธิปีงบฯ 2560 (ม.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้นถึง 61% เป็น 2.41 แสนล้านเยนหรือประมาณ2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และแม้จะเริ่มปีงบฯใหม่ได้ไม่ถึง 1 เดือน แต่ทางบริษัทยังมั่นใจว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องอีก 16%

ในปี 2561 นี้ แม้ธุรกิจใหม่ที่พยายามปั้นให้เป็นเสาหลักอย่างอุปกรณ์การแพทย์และการพิมพ์เชิงพาณิชย์จะยังอยู่ในช่วงตั้งไข่

โดยการเติบโตก้าวกระโดดนี้เป็นผลจากการกลับมาเติบโตแบบเหนือความคาดหมายของตลาดกล้องดิจิทัล เห็นได้จากตัวเลขของสมาคมกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Camera & ImagingProducts Association-CIPA) ซึ่งระบุว่าช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2560 มียอดส่งสินค้ากล้องดิจิทัลรวมทั่วโลก 23.3 ล้านเครื่อง เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มียอด 21.7 ล้านเครื่อง เป็นผลจากกระแสนิยมอัพภาพคุณภาพสูงในโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้บริโภคอัพเกรดจากสมาร์ทโฟนมาใช้กล้องมิเรอร์เลสแทน ดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายนี้ ส่งผลให้สินค้าขาดแคลนในช่วงสั้น ๆ

และปัจจุบันโรงงานหลายแห่งในนางาซากิยังต้องเดินเครื่องเต็มกำลังเพื่อผลิตสินค้าให้ทันกับยอดสั่งซื้อ แคนนอนเองได้อานิสงส์จากเรื่องนี้มาผลักดันยอดขายกล้องมิเรอร์เลสจนกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจกล้องเติบโต 22% เมื่อรวมกับยอดขายจากธุรกิจอุปกรณ์สำนักงาน ซึ่งแผนเจาะตลาดออฟฟิศขนาดกลางและเล็กด้วยเครื่องพิมพ์สีไปได้สวย ช่วยให้ยอดขายรวมของบริษัทปี 2560 เพิ่มขึ้น 20% แตะ 4 ล้านล้านเยนเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี

สำหรับทิศทางปี 2561 นี้ “โทชิโซทานากะ” รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแคนนอน กล่าวว่า ต้องเร่งเพิ่มอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจผลิตอุปกรณ์การแพทย์ให้สูงขึ้นเป็น 30% หลังจากปีก่อนมีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานเพียงไม่ถึง 20% เท่านั้น แม้จะทำยอดขายได้ถึง 24% ของยอดรวม โดยเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมจุดขายด้านนวัตกรรมเฉพาะตัว เช่นเดียวกับธุรกิจการพิมพ์ซึ่งเดินหน้าลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องอีก 3 ปี แม้จะขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ไป 3.39 หมื่นล้านเยนแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกันแคนนอนยังเตรียมลอนช์นวัตกรรมใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด เช่น “free viewpoint video” ระบบบันทึกภาพกีฬาที่ใช้กล้อง 4K จำนวน 30 ตัวติดตั้งในสนาม ช่วยให้ผู้ชมสามารถเลือกมุมกล้องในการรับชมได้อย่างอิสระในแบบ 3 มิติ โดยปัจจุบันทดลองในแมตช์ฟุตบอลเจลีก และเตรียมนำไปใช้ในงานโอลิมปิกปี 2563 ด้วย

สอดคล้องกับเป้าหมายของ “ฟูจิโอะ มิตะไร” ประธานและซีอีโอ ซึ่งต้องการปั้นธุรกิจอุปกรณ์ใหม่มาเป็นเสาหลักต้นที่ 3 เพื่อเสริมความมั่นคงให้บริษัท โดยเตรียมงบฯ 3-4 แสนล้านเยนสำหรับซื้อกิจการด้านสุขภาพ ระบบรักษาความปลอดภัย และเครื่องจักรอุตสาหกรรมมาเสริมทัพอีกจนถึงปี 2563 พร้อมกับเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ซิลิคอนวัลเลย์ของสหรัฐในปีนี้ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ มาเสริมแกร่งให้ธุรกิจในเครือ

นอกจากนี้ในปี 2562 จะเปิดโรงงานผลิตผักแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ตั้งแต่หว่านเมล็ด เก็บเกี่ยว และบรรจุลงกล่องในโรงงานที่จังหวัดกุนมะทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียว เพื่อทดลองนวัตกรรมหุ่นยนต์สำหรับใช้ในโรงงานตามเทรนด์หลังของวงการอุตสาหกรรม

“ปีที่แล้วธุรกิจกล้องและอุปกรณ์สำนักงานทำหน้าที่เสาหลักด้านรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีใครมั่นใจได้ว่าตลาดกล้องจะบูมไปได้นานแค่ไหน ส่วนตลาดอุปกรณ์สำนักงานเองก็อยู่ในช่วงขาลงแล้ว จึงต้องเร่งสร้างธุรกิจหลักกลุ่มอื่นเพื่อสร้างการเติบโตและเฉลี่ยความเสี่ยงออกไป โดยตัวเต็งจะเป็นอุปกรณ์การแพทย์, การพิมพ์เชิงพาณิชย์, อุปกรณ์อุตสาหกรรมและกล้องวงจรปิด”