ทำไมต้อง “ไลน์ทีวี” ยักษ์ทีวีพลิกเกม…แก้โจทย์ออนไลน์

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ชัดเจนขึ้น โดยเปิดรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยใช้เวลาเฉลี่ย 6 ชั่วโมง 30 นาทีต่อวัน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นความท้าทายของหลาย ๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะสื่อทีวี ที่ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ให้ได้เพื่อดึงคนดูคืนจอ ขณะที่เจ้าของแพลตฟอร์มบนช่องทางออนไลน์ก็หาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองให้แข็งแกร่ง

 

“ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะวัน เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ผู้บริหารช่องวัน 31 กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีธุรกิจทีวีแข่งขันกันค่อนข้างแรง ประกอบกับพฤติกรรมคนดูก็เปลี่ยนเสพสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ทีวีจะหายไปจากตลาดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาทุกช่องก็พยายามปรับตัว ด้วยการเพิ่มช่องทางการรับชมที่หลากหลาย และปีนี้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่ได้แยกว่ารับสื่อผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์อีกแล้ว ทำให้ในฐานะเจ้าของช่องทีวีและคอนเทนต์โพรไวเดอร์ ทำงานได้ง่ายขึ้นและเข้าหาผู้ชมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ล่าสุดได้นำคอนเทนต์เข้าไปออกอากาศบนไลน์ทีวี ซึ่งโมเดลความร่วมมือก็มีหลากหลาย โดยหลัก ๆ แบ่งออก 2 ส่วน คือ การเป็นเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ ด้วยอายุสัญญา 1 ปี โดยจะขายคอนเทนต์ขาดให้แก่ไลน์ทีวี ซึ่งจะนำละครหลังข่าวซิตคอมที่จะออกอากาศปีนี้ประมาณ 400-500 ตอน ไปรีรันที่ไลน์ทีวีก่อนแพลตฟอร์มอื่น 30 วัน และจะรีรันไม่เกิน 2 ชั่วโมงหลังจากออกอากาศบนทีวี อีกโมเดลคือ การผลิตคอนเทนต์ให้ไลน์ทีวี อยู่ระหว่างเจรจา

“การทำออนไลน์ก็ต้องลองผิดลองถูก ซึ่งที่ผ่านมาก็ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอด สิ่งที่พบ คือ สื่อออนไลน์ไม่ได้แย่งคนดูจากทีวีไป แต่กลับเป็นสื่อที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน เพราะช่องทางออนไลน์ก็มีคอนเทนต์จำนวนมาก ซึ่งผู้ชมเองก็ไม่รู้ว่าจะเลือกดูอะไร แต่ถ้ามีทีวีมาบอกว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่ดูอะไรกัน ก็เป็นการผลักให้คนไปดูในออนไลน์ได้ด้วย ท้ายที่สุดคนรับสื่อออนไลน์ก็ไดรฟ์คนดูในช่องทางเดียวกัน และคนดูทีวีก็ไดรฟ์คนดูทีวีด้วยกันให้มาดูรีรันบนออนไลน์”

เช่นเดียวกับบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่อง 33 เอชดี ช่อง 28 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ ที่เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมมือกับไลน์ประเทศไทย เพื่อนำคอนเทนต์ของกลุ่มช่อง 3 ไปออกอากาศในไลน์ทีวีเช่นกัน

“ประชุม มาลีนนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้นจะนำละคร 7 เรื่อง และรายการวาไรตี้ 7 รายการ เช่น ผู้หญิงถึงผู้หญิง ข่าว 3 มิติ ไปออกอากาศภายในวันที่ 1 มีนาคมนี้

รวมถึงเพลงประกอบละคร หลังจากนั้นจะพิจารณานำละครและรายการต่าง ๆ ไปออกอากาศเพิ่มเติม ซึ่งตลอดระยะเวลา 47 ปีของกลุ่มช่อง 3 มีละครออกอากาศมากกว่า 1,000 เรื่อง

นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือระหว่างการขายโฆษณาในรูปแบบแพ็กเกจ ที่แบรนด์สินค้าหรือเอเยนซี่โฆษณา สามารถซื้อแพ็กเกจลงโฆษณาได้ทั้งช่องทีวีและช่องทางออนไลน์ ที่ปัจจุบันกลุ่มช่อง 3 มีช่องทางออนไลน์ด้วยกัน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ CH3Thailand เว็บไซต์เมลโล่ (MELLO) ยูทูบ และไลน์ทีวี

“ความร่วมมือกับไลน์ทีวีครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายผู้ชมทางช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมมิลเลนเนียล ซึ่งในอนาคตจะยังมีความร่วมมือกันพัฒนาคอนเทนต์อื่น ๆ ต่อไป ส่วนคอนเทนต์ที่จะนำไปออกในช่องไลน์ทีวี จะเป็นคอนเทนต์ที่มีอยู่ในปัจจุบันก่อน และจะออกอากาศในไลน์ทีวี หลังจากออกอากาศทางช่องทีวีแล้ว 48 ชั่วโมง”

ขณะที่เจ้าของแพลตฟอร์ม “อริยะ พนมยงค์” กรรมการผู้จัดการ ไลน์ประเทศไทย บอกว่า พฤติกรรมผู้ชมปัจจุบันชัดเจนขึ้น โดยไม่ได้แยกแล้วว่ารับชมคอนเทนต์ผ่านออนไลน์ หรือออฟไลน์อีกต่อไป ดังนั้นผู้ผลิตคอนเทนต์และช่องทีวีก็ต้องไม่แยกผู้ชมด้วยเช่นกัน แต่ต้องครอสแพลตฟอร์ม (cross-platform) ระหว่างทีวีและออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถเจาะเข้าถึงคนดูได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ล่าสุดได้ร่วมกับช่องวันและช่อง 3 นำคอนเทนต์มาออกอากาศบนแพลตฟอร์มไลน์ทีวี และเร็ว ๆ นี้ก็จะมีการจับมือร่วมกับพันธมิตรรายอื่น ๆ อีกหลายราย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มไลน์ทีวีให้แข็งแกร่ง

“แม้แพลตฟอร์มออนไลน์จะแข็งแรงขึ้นแต่คนดูทีวีก็ไม่ได้หายไป เพราะพฤติกรรมคนดูวันนี้ไม่ได้แยกแล้วว่าดูออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่คนดูออนไลน์และออฟไลน์ คือ คนเดียวกัน เจ้าของช่องทีวีและแพลตฟอร์มก็ต้องทำความเข้าใจกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นด้วย เพื่อตอบโจทย์คนดูให้ได้”

ทั้งนี้ไลน์ทีวีมีพันธมิตร 160 ราย แบ่งเป็น ช่องทีวี โปรดักชั่นเฮาส์ และผู้ผลิตเพลง และมีคอนเทนต์ที่ครอบคลุมทั้งละคร เพลง วาไรตี้ สุขภาพความงาม ซึ่งปีนี้จะเติมคอนเทนต์ใหม่ ๆ ในทุก ๆ ประเภท

ปัจจุบันคนดูรายการย้อนหลัง (rerun) ผ่านทางไลน์ ทีวีมากเป็นดับ 1 จากผลสำรวจของนีลเส็น ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา โดยมีชั่วโมงการดูรายการผ่านไลน์ ทีวีมากถึง 176 นาทีต่อวัน คิดเป็นเวลา 2 ใน 3 ของการดูรายการผ่านทางช่องทีวีปกติ ซึ่งคนส่วนใหญ่ถึง 50% จะดูรายการละคร รองลงมาเป็นวาไรตี้ และมิวสิกวิดีโอ ปัจจุบันคนไทยมีบัญชีไลน์กว่า 41 ล้านบัญชี และมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไลน์ ทีวี 20 ล้านครั้ง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของไลน์ ทีวี จะมีอายุตั้งแต่ 15-35 ปี สัดส่วนมากถึง 60-70%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ฟรีทีวีช่องอื่น ๆ ก็ขยายช่องทางรับชมผ่านออนไลน์มากขึ้น เริ่มตั้งแต่เจ้าตลาดช่อง 7 ก็สร้างแพลตฟอร์มเป็นของตัวเองภายใต้ชื่อ “บักกาบูทีวี” ตั้งแต่ปี 2555 รองรับพฤติกรรมการรับชมผ่านออนไลน์ ขณะที่พีพีทีวีก็มีแอปพลิเคชั่น PPTV HD สำหรับการดูรายการสดและย้อนหลัง เป็นต้น

เท่ากับว่า เส้นแบ่งระหว่างคนดูคอนเทนต์บนออนไลน์และฟรีทีวีเริ่มหายไป การดึงข้อดีของช่องทางออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้แบบทุกที่ทุกเวลา และเลือกดูได้ตามความสะดวก เข้ามาใช้ ก็กลายเป็นโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับธุรกิจทีวี เพื่อดึงคนดูคืนจอ