ตลาดน้ำแร่ 4 พันล้านแข่งเดือด “ออรา” เจาะร้านอาหารเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

“ออรา” หันโฟกัสร้านอาหาร-ครัวเรือน หลังช่องทางค้าปลีกแข่งดุ หวังขยายฐานเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ รับกระแสสุขภาพ-เศรษฐกิจฟื้นดันตลาดน้ำแร่ 4,000 ล้านบาทโต 10-15% พร้อมเมินสงครามราคาเดินหน้าจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ ย้ำภาพน้ำแร่ธรรมชาติ มั่นใจยอดขายปีนี้โต 10-15%

นายเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำแร่ออรา กล่าวว่า ปี 2561 นี้ตลาดน้ำแร่มูลค่า 4,000 ล้านบาทมีแนวโน้มเติบโต 10-15% สูงกว่าปี 2560 ที่โตเพียง 8% ด้วยอานิสงส์จากเทรนด์สุขภาพและการฟื้นตัวเศรษฐกิจ รวมถึงการทำตลาดของผู้เล่นทั้งหน้าเก่าและใหม่ช่วยสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำแร่มากขึ้น

“น้ำแร่มีทิศทางโตต่อเนื่องและโตเร็วกว่าน้ำดื่มปกติ เห็นได้จากค่าเฉลี่ย 3 ปีซึ่งน้ำแร่โต 10-15% ส่วนน้ำดื่มโตเพียง 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน”

อย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้ทำให้การแข่งขันราคาและโปรโมชั่นดุเดือด เพื่อจูงใจผู้บริโภคและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

สำหรับบริษัทปีนี้จะเน้นขยายฐานไปยังเซ็กเมนต์ที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น ร้านอาหารและครัวเรือน รวมถึงศึกษาการขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด พร้อมระดมกิจกรรมซีเอสอาร์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการรับรู้และย้ำภาพลักษณ์-จุดขายเรื่องน้ำแร่จากธรรมชาติช่วยเลี่ยงการแข่งขันราคากับคู่แข่งโดยตั้งทีมงานขายสำหรับรุกกลุ่มร้านอาหารและครัวเรือน ซึ่งมีโอกาสเติบโตเพราะอัตราบริโภคน้ำแร่ยังต่ำกว่าเซ็กเมนต์ร้านค้าปลีกที่ผู้บริโภคมีแบรนด์ประจำและมีลอยัลตี้สูงจูงใจให้เปลี่ยนแบรนด์ได้ยาก ตามเป้าขยายส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 25% ในปัจจุบัน พร้อมกับศึกษาแผนขยายกำลังผลิตเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด หลังจากปัจจุบันใช้กำลังผลิตเต็ม 100% หรือ 120 ล้านขวดต่อปีแล้ว

ด้านการตลาดยังโฟกัสกิจกรรมซีเอสอาร์ด้านป่าไม้และแหล่งน้ำ รวมถึงสุขภาพ อาทิ ปลูกป่า สร้างฝ่าย สนับสนุนงานวิ่งมาราธอน ซึ่งจะขยายจากภาคเหนือเป็นทั่วประเทศ เพื่อขยายการรับรู้ ย้ำภาพลักษณ์และจุดขายของสินค้าน้ำแร่ พร้อมดึงผู้บริโภคเข้ามาร่วมกิจกรรม สร้างโอกาสทดลองสินค้าและการจดจำแบรนด์ รวมถึงเลี่ยงการแข่งขันราคากับคู่แข่ง โดยเตรียมงบฯ 150 ล้านบาท สำหรับช่วง 6 เดือนแรกมีไฮไลต์เป็นงาน “ออรา ปลูกป่า 5 ภาค”


ดึงผู้บริโภคร่วมปลูกป่าต้นน้ำพร้อมเปิดตัวขวดรุ่นพิเศษมีคิวอาร์โค้ดสมัครร่วมโครงการ รวมถึงดึง “รถเมล์-คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์” ร่วมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อครบวงจรทั้งนี้คาดว่าจะใช้งบการตลาดทั้งปีสูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 2-7% ตามสัดส่วนการเติบโตของตลาดรวม และผลักดันให้ยอดขายโตได้ 10-15% เช่นเดียวกับตลาดรวมและในระยะยาวตั้งเป้าโตสูงกว่าตลาด 2-3% เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 1