ต่างชาติแห่ออร์เดอร์ไอศกรีมผลไม้ แม็คซ์ฟู๊ด ทุ่ม 60 ล้านเพิ่มกำลังผลิต

ไอศกรีมผลไม้ แม๊คฟู๊ดกรุ๊ป

ตลาดไอศกรีมผลไม้ไทยรับอานิสงส์โลกร้อน แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป เผยต่างชาติติดใจไอศกรีมผลไม้ไทย ทั้งยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย แห่ออร์เดอร์เพิ่มไม่หยุด ล่าสุดทุ่ม 60 ล้าน เร่งลงทุนขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิต พร้อมคุยเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้คุณภาพเตรียมส่งตรงเข้าโรงงาน เพื่อเป็นวัตถุดิบการผลิตเพิ่ม 1 หมื่นตัน คาดปีนี้กวาดรายได้ 500 ล้านบาท

วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หลังเปิดตัวไอศกรีมในลูกผลไม้เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำยอดขายได้สูงถึง 330 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 250 ล้านบาท จากปัจจัยของตลาด การบริโภค และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวหลังโควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลก

นอกจากคู่ค้าเดิมจากประเทศเกาหลีที่มีการออเดอร์เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นลูกค้าในฝั่งยุโรป อย่างฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ซาอุดีอาระเบีย และจีน ซึ่งต่างมีการสั่งสินค้าโดยเฉพาะไอศกรีมในกลุ่มไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ที่มีสัดส่วนสูงถึง 90% ส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายทั้งในร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ต

นอกจากนั้นยังเกิดจากเอกลักษณ์ของรสชาติความอร่อยของผลไม้ไทย ที่เมื่อนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเฉพาะของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จนกลายเป็นไอศกรีมผลไม้ ทำให้ถูกปากถูกใจคนทั่วโลก

นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด
นายฐานพงศ์ จุ้ยประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

นายฐานพงศ์กล่าวต่อว่า จากการขยายตลาดเพิ่มในหลายประเทศ และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทางบริษัทฯ มีการขยายโรงงานที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยใช้เงินลงทุนครั้งนี้กว่า 60 ล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 60 ตู้คอนเทนเนอร์ เป็น 80 ตู้คอนเทนเนอร์ (1 ตู้คอนเทนเนอร์ ประมาณ 25,000 ชิ้น) คาดว่าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าและการขยายตลาดในอนาคต

ส่วนอีกปัจจัยที่ต้องมีการวางแผนอย่างดี คือ ผลไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตหลัก โดยบริษัทฯ ได้มีการพูดคุยและประกันราคาให้กับเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรในการผลิตผลไม้คุณภาพเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงาน ซึ่งปีนี้ได้เตรียมสต๊อกผลไม้เพื่อเข้าไลน์ผลิตไว้สูงถึง 1 หมื่นตัน ส่วนผลไม้หลักที่เราต้องการจะเป็นสับปะรด 95%

นอกจากนั้นจะเป็นเสาวรส แตงโม มะพร้าว มะม่วง และแก้วมังกร แผนงานดังกล่าวนอกจากจะเป็นผลดีกับโรงงานที่จะไม่ขาดวัตถุดิบสำคัญแล้ว ยังส่งผลดีและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ไม่เกิดภาวะผลไม้ล้นตลาด หรือผลผลิตถูกกดราคา เพราะหากผลผลิตเป็นไปตามมาตรฐานของโรงงานเราสามารถรับซื้อไว้ได้ทั้งหมด

นายฐานพงศ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป มีทั้งหมด 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มไอศกรีมซอร์เบในลูกผลไม้ กลุ่มไอศกรีมผลไม้แท่ง และกลุ่มโมจิ ไอศกรีม โดยมีจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลไม้ไทยให้เป็นไอศกรีมซอร์เบผลไม้แท้ รสชาติดี ที่สามารถบรรจุลงในผลไม้สดได้ เก็บได้นานถึง 2 ปี ในอุณหภูมิ -25 องศา ปลอดภัยและปลอดเชื้อ ทำให้สามารถผ่านมาตรฐานอาหารได้รับอนุญาตให้นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ในหลายประเทศ

ไอศกรีมผลไม้

“ปีนี้ทางบริษัทจะนำโมจิไอศกรีมกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากการศึกษาและทดลองตลาด โดยนำเสนอลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรปพบว่ามีความสนใจโมจิ ไอศกรีมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมิติใหม่ของการกินไอศกรีมที่มีรูปแบบซับซ้อนขึ้น

ด้านนอกเป็นแป้งสูตรเฉพาะที่ทางแม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป คิดค้นขึ้นและผลิตด้วยเครื่องจักรที่ถูกออกแบบพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น ต้นตำรับของขนมโมจิ สอดไส้ด้วยไอศกรีมผลไม้ไทยที่ให้ความสดชื่น โดยโมจิ ไอศกรีม ที่เราผลิตมีทั้งหมด 13 รสชาติ ประกอบด้วย รสงาดำ, วานิลลา, มะม่วงเชอร์เบต, สตรอว์เบอรี่เชอร์เบต, ช็อกโกแลต, ชาเขียว, มะพร้าว, เผือก, มะม่วงเบสกะทิ, มะนาว, เมลอน, ลาเต้ และเสาวรสเชอร์เบต

ด้านการจัดจำหน่ายนั้น ขณะนี้เริ่มส่งออกและวางจำหน่ายไปแล้วในบางประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ จีน โดยผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในประเทศโซนยุโรปจะเน้นความเป็นสินค้าสุขภาพ เป็น Vegan เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นมังสวิรัติเยอะ รสชาติที่นิยมจะเป็นรสงาดำ แต่ในฝั่งเอเชียอย่างเกาหลีใต้หรือจีนนั้น จะนิยมผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสดชื่น ทานง่าย รูปแบบผลิตภัณฑ์มีความสวยงาม ทานแล้วถ่ายรูปโชว์ได้

ส่วนแผนการตลาดในปีนี้ ยังคงเน้นการขยายตลาดเพิ่มในประเทศฝั่งตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยส่งทีมการตลาดลงพื้นที่เพื่อศึกษาและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ตรงกับรสนิยมและความชอบของคนแต่ละประเทศ

นอกจากนั้นในบางประเทศอย่างประเทศเกาหลี ที่แต่เดิมจะเน้นขายกลุ่ม B2B ก็จะเปิดตลาดในกลุ่ม B2C ที่เป็นรีเทล ซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ Costco, GS25, 7-ELEVEN มากขึ้น รวมถึงร่วมจัดแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้าใหญ่ ๆ อย่าง THAIFEX-Anuga Asia 2023 ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าที่มาจากประเทศใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น สำหรับเป้ารายได้รวมในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 500 ล้านบาท

โรงงานบริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

โรงงานบริษัท แม็คซ์ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด