“แมพ-ฮาสโบร” ส่งหุ่นแปลงร่าง รับกระแสทรานส์ฟอร์เมอร์สภาคใหม่

หุ่นแปลงร่าง รับกระแสทรานส์ฟอร์เมอร์สภาคใหม่

แมพ แอคทีฟ ร่วมกับ ฮาสโบร ปลุกกระแสตลาดแดแร็กเตอร์หนังดังระดับโลก จัดงานเปิดตัวของเล่น-ฟิกเกอร์หุ่นแปลงร่าง Transformers : Rise Of The Beasts คาดสิ้นปีกวาดรายได้กว่า 15 ล้านบาท

วันที่ 9 มิถุนายน 2566 ดีพัก โทมาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากฮาสโบร ในการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างถูกลิขสิทธิ์ของ Transformers : Rise Of The Beasts แต่เพียงเจ้าเดียวในประเทศไทย กล่าวว่า จากกระแสความนิยมของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Transformers ที่มีกลุ่มแฟนคลับเหนียวแน่นมากว่า 16 ปี นับตั้งแต่ภาพยนตร์ Transformers เปิดตัวในภาคแรกเมื่อปี 2550

มร. ดีพัก โทมาร์
ดีพัก โทมาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด

ซึ่งสามารถสร้างฐานแฟนคลับอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในต่างประเทศ ครอบคลุมถึงนักสะสมของเล่นและฟิกเกอร์ ที่เมื่อก่อนเป็นเด็ก เติบโตเป็นวัยรุ่น กระทั่งปัจจุบันเริ่มมีครอบครัว แต่ก็ยังเป็นแฟนคลับของทรานส์ฟอร์เมอร์ส อย่างหุ่นออพติมัส ไพร์ม หรือ บัมเบิ้ลบี อยู่เช่นเดิม

จนมาในปี 2566 แฟน ๆ จะได้พบกับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์ส Transformers : Rise of The Beasts และแน่นอนว่าต่างรอคอยที่จะชื่นชมสินค้าของเล่น โดยเฉพาะฟิกเกอร์แปลงร่าง ซึ่งภาคนี้จะมาในดีไซน์ยานพาหนะที่ผู้ชมรวมไปถึงแฟน ๆ ทรานส์ฟอร์เมอร์สรักและชื่นชอบ

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงได้จัดงานเปิดตัวของเล่นหุ่นแปลงร่างสายพันธุ์ใหม่ Transformers : Rise Of The Beasts ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกกระแสของทรานส์ฟอร์เมอร์ส กับสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด เจาะกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มเด็ก, ผู้ใหญ่ หรือลูกค้าทั่วไปที่ชื่นชอบทรานส์ฟอร์เมอร์ส ทั้งในรูปแบบภาพยนตร์ หรือของเล่น ตลอดจนกลุ่มนักสะสมฟิกเกอร์

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายของเล่น Transformers : Rise Of The Beasts ในช่วงเปิดตัว 3-6 เดือนแรกที่ประมาณ 5-8 ล้านบาท และสิ้นปี 2566 ที่ราว 15 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมของตลาดแคแร็กเตอร์ในปัจจุบันมีจุดเด่นคือ เป็นสินค้าที่สร้างสรรค์ประสบการณ์ และจินตนาการ ส่งเสริมพัฒนาการ อีกทั้งยังเป็นการใช้เวลาที่ดีร่วมกันระหว่างครอบครัวอีกด้วย ซึ่งแบรนด์ฮาสโบร ปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดเกือบ 50% ด้วยจุดแข็งคือ สินค้าของฮาสโบรเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ผลิตโดยใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และฟังก์ชั่นที่ครบครัน ตอบโจทย์ทุกกลุ่มอายุ

ขณะเดียวกัน ตลาดแคแร็กเตอร์ก็มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยเช่นเดียวกัน ฮาสโบรมีนโยบายเชิงกลยุทธ์ที่เรียกว่า Blueprint 2.0 อันมีแกนสำคัญคือ Entertainment เน้นสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคผ่านเรื่องราว (Story Telling) เพื่อให้ผู้บริโภคมีการเชื่อมโยง จดจำแบรนด์ ประกอบกับใส่นวัตกรรมเข้าไปในสินค้าให้เด็กเกิดการเรียนรู้

หุ่นแปลงร่าง รับกระแสทรานส์ฟอร์เมอร์สภาคใหม่

นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดของเล่นนักสะสม ก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากแบรนด์หลัก ๆ ซึ่งได้แก่ Marvel, Star War และ Transformers โดยสินค้าภายใต้แบรนด์ฮาสโบร ที่ร่วมกับ แมพ แอคทีฟ มีการสร้างช่องทางการจำหน่ายที่ผ่านตัวแทนรายย่อยเฉพาะตลาดนักสะสมโดยเฉพาะ การขายผ่านช่องทางออนไลน์ และ Social Commerce

“นักสะสมนิยมสินค้าหายากที่เป็น Limited Edition ที่สำคัญเน้นคุณภาพมากกว่าราคา ซึ่งขบวนการตัดสินใจซื้อนั้น ก็เกิดมาจากที่นักสะสมเกิดความประทับใจในแคแร็กเตอร์ผ่าน Content ต่าง ๆ และสร้างตลาดกลุ่มสะสมที่มีการขยายกลุ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงโควิดที่ผ่านมา แมพ แอคทีฟ ได้มีการขยายกิจการ และยังเสริมความเป็นพันธมิตรกับบริษัท ฮาสโบร และบริษัท e One ขยายฐานลูกค้าผู้ซึ่งชื่นชอบ Entertainment และเป็นผู้สร้างการ์ตูน Peppa pig & PJM เจาะกลุ่มเด็ก Pre-School รวมทั้งขยายตลาดสินค้าลิขสิทธิ์และของเล่นคุณภาพเข้าสู่ตลาดมากมาย

ทั้งนี้ ภายในปี 2566 บริษัทเตรียมที่จะออกของเล่นใหม่เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดอีกจำนวนมาก เพื่อสนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาเล่นกับลูก ๆ ควบคู่กับการเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นทางออกที่ดีกว่าการเล่นผ่านหน้าจอ โดยมีตัวเลือกให้คุณพ่อ คุณแม่ น้อง ๆ ในทุกช่วงอายุ ครอบคลุมทุกแบรนด์สินค้าภายใต้ฮาสโบร อาทิ Nerf Blaster รุ่น Rival, Peppa Pig, My Little Pony, PlayDoh

และสินค้าในกลุ่ม Action Figure สำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบฮีโร่ เช่น The Marvel, X-Men, Spider Man รวมถึง Spidey and Amazing Friends ซึ่งจะมีการทำแคมเปญพิเศษต่าง ๆ ที่รอให้เหล่าสาวกของเล่นได้ติดตามกันด้วย

รวมทั้งยังมีการจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ รับส่วนลดทันที 25% เมื่อซื้อสินค้าภายในงาน โดยเมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท รับฟรี Transformers Griptok มูลค่า 199 บาท 1 ชิ้น

และเมื่อซื้อสินค้าในช่วงงานเปิดตัว เฉพาะที่พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์  ซื้อสินค้าครบ 500 บาท รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรม Meet & Greet กับ Optimus Prime / ซื้อครบ 2,400 บาท รับบัตรชมภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มูลค่า 250 บาท จำนวน 2 ใบ มูลค่า 500 บาท (พิเศษ ! เฉพาะลูกค้า M CARD ซื้อเพียง 2,000 บาท สิทธิมีจำนวนจำกัด) ตั้งแต่วันที่ 8-14 มิ.ย. 66