“สลัดแฟคทอรี่” ลุยปักธง ตจว. เล็งนครสวรรค์-ชลบุรี พร้อมส่งโมเดลใหม่ QSR เจาะซูเปอร์มาร์เก็ตใช้จังหวะครบรอบ 10 ปี ผนึกพันธมิตรคิดเมนูใหม่-กิจกรรมในร้าน เกาะกระแสร้านอาหารสุขภาพ 4 พันล้านบาทโตแรง ผู้เล่นเพียบ 20 รายกว่า 100 สาขา มั่นใจปีนี้รายได้เติบโต 70%
นายปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ ผู้บริหารเชนร้าน สลัดแฟคทอรี่ กล่าวว่า ตลาดร้านอาหารแนวสุขภาพ อาทิ ร้านสลัดและร้านอาหารที่ชูจุดเด่นด้านสุขภาพยังคงมีศักยภาพสูง หลังปี 2565 มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 60% จากปีก่อนหน้า ส่วนช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นี้ยังคงคึกคักต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้เล่นที่ปัจจุบันมีกว่า 20 แบรนด์และมีร้านรวมกว่า 100 สาขาแล้ว
เช่นเดียวกับผู้บริโภคที่ต้องการทานอาหารสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว ผู้ที่ออกกำลัง-คุมน้ำหนัก หรือคนทำงานที่ชีวิตเร่งรีบ หลังการระบาดของโควิด-19 กระตุ้นให้กระแสการทานอาหารเพื่อเสริมสุขภาพ-ป้องกันโรคมาแรงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนผู้เล่นมากขึ้น แต่ยังนับเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยให้ตลาดร้านอาหารแนวสุขภาพคึกคัก และได้รับความสนใจจากผู้บริโภค นำไปสู่การเติบโตในภาพรวม เนื่องจากยังมีช่องว่างให้แต่ละรายขยายตัวได้อีกมาก ตัวอย่างเช่นพื้นที่ต่างจังหวัด หลังปัจจุบันสาขาส่วนใหญ่ยังรวมกันอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล
สำหรับทิศทางของสลัดแฟคทอรี่นั้น นายปิยะกล่าวว่า จะอาศัยกระแสการเติบโตของตลาดขยายสาขารุกตลาดต่างจังหวัด เช่นเดียวกับการทดลองร้านโมเดลใหม่และการรุกธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น หลังที่ผ่านมาสาขากว่า 30 สาขายังกระจุกตัวในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น และสาขาพัทยาที่เปิดเมื่อช่วงต้นปีได้รับการตอบรับดี
พร้อมกันนี้จะดึงดูดผู้บริโภคด้วยการสร้างความแตกต่างและความคุ้มค่า ผ่านเมนูใหม่ที่มาพร้อมเรื่องราวและกิจกรรมภายในร้าน ตามแนวคิดให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์มากกว่าการทานอาหาร
ด้านการเปิดสาขาในต่างจังหวัดนั้น กำลังศึกษาโอกาสปักธงสาขาในจังหวัดนครสวรรค์ ชลบุรี รวมถึงนครปฐม ซึ่งจะเป็นสาขาโมเดลไซซ์ใหญ่ เช่นเดียวกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 เพื่อรองรับทั้งการนั่งทานในร้านที่กลับมา 100% แล้ว และการจัดกิจกรรม เช่น เวิร์กช็อปต่าง ๆ ด้วย ทั้งนี้ วางเป้าการเปิดสาขาไว้ที่ 8-9 สาขาต่อปี ต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 5 ปี ส่วนปี 2566 นี้ ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 4 สาขา
“สาเหตุที่ตัวเลขการเปิดสาขาใหม่นี้น้อยกว่าจำนวนสาขาที่เปิดในปีที่แล้ว เนื่องจากในช่วงโควิด-19 บริษัทหันไปเน้นเปิดสาขาไซซ์เล็ก มีที่นั่งเพียง 2-3 โต๊ะ เพื่อรองรับบริการดีลิเวอรี่ จึงสามารถขยายได้เร็ว แต่หลังจากการระบาดคลี่คลาย พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การสั่งดีลิเวอรี่ลดลงมาก จึงกลับมาเน้นการเปิดร้านแบบนั่งทานอีกครั้ง”
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าผลักดันโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ อาทิ ร้านสไตล์ฟาสต์ฟู้ด หรือ QSR (Quick Service Restaurant) ปัจจุบันทดลองเปิดในท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ โดยอยู่ระหว่างปรับเมนูให้สอดรับกับลักษณะการทานที่ต่างจากร้านสลัดสาขาหลัก เช่นเดียวกับการรุกตลาดค้าปลีกด้วยไลน์แพ็กสลัดพร้อมทานและน้ำสลัดพร้อมทาน ซึ่งเริ่มวางตลาดเมื่อต้นปี 2566 นี้
ส่วนเมนูอาหารใหม่จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนำวัตถุดิบมาสร้างเมนูใหม่ ๆ ล่าสุดจับมือกับบริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ดรีเทล จำกัด หนึ่งในผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ และเซสปรีกีวี ผู้ผลิตกีวีจากนิวซีแลนด์ นำปลาและกีวีจากนิวซีแลนด์ อาทิ ปลาคิงคลิปและปลาโฮกิ รวมถึงกีวีสีทอง มาสร้างเมนูอาหารและจัดแคมเปญ Taste of New Zealand ช่วง 3 สิงหาคม-1 ตุลาคม 2566 นี้ คาดว่าแคมเปญนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญต้อนรับวันแม่จะกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นอีก 10-15%
โดยหลังจากนี้จะมีเมนูใหม่ออกมาต่อเนื่อง ตามยุทธศาสตร์ช่วงครบรอบ 10 ปีของแบรนด์สลัดแฟคทอรี่ ที่จะมุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ลูกค้าตามแนวคิดให้ประสบการณ์มากกว่าการทานอาหาร
ทั้งนี้ เชื่อว่าด้วยการขยายสาขาใหม่ ควบคู่กับการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ผ่านการจับมือพันธมิตรมาสร้างเมนูใหม่ ๆ และกิจกรรมในร้าน จะช่วยให้แบรนด์เติบโตจากปีที่แล้วไม่น้อยกว่า 70% แน่นอน