“ฟิตเนส” แบรนด์นอกแข่งเดือดชิงเมมเบอร์

ฟิตเนสกลางเมืองเดือด แบรนด์นอก ผุดสาขายึดทำเลกลางเมือง-ตามเส้นรถไฟฟ้า “ฟิตเนส เฟิรส์ท” แตกแบรนด์โมเดลใหม่กลางเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนจัดใหญ่สาขาไอคอนสยามปลายปี ด้าน “เจตส์” รายใหญ่จากออสเตรเลียเดินหน้าปูพรมแนวรถไฟฟ้าตั้งเป้า 5 ปีทะลุ 100 สาขาทั่วประเทศ

นายมาร์ค เอลเลียต บิวคานันท์ กรรมการบริหาร บริษัท ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดฟิตเนสมูลค่า 6,000 ล้านบาท ยังคงเติบโตต่อเนื่องตามกระแสสุขภาพ โดยการเปิดบริการ 24 ชั่วโมงและสเปเชียลตี้ฟิตเนสที่เน้นการออกกำลังกายเฉพาะอย่าง โยคะ มวยไทย ปั่นจักรยาน เป็นเทรนด์มาแรงสะท้อนจากจำนวนซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเซ็กเมนต์กลาง-บนมีการแข่งขันสูงเนื่องจากมีกำลังซื้อและตื่นตัวเรื่องสุขภาพมานานจึงเป็นเป้าหมายของผู้เล่นเกือบทุกราย เพื่อรับมือการแข่งขันและชิงโอกาสจากเทรนด์ของตลาด ปีนี้จึงใช้กลยุทธ์เซ็กเมนเตชั่นด้วยการขยายโมเดลและแบรนด์ใหม่ คือ “คลับคลาส” เจาะกลุ่มไฮเอนด์ด้วยบริการฟูลเซอร์วิส สระว่ายน้ำและพื้นที่ชมวิวรวมกว่า 4,000 ตร.ม.ที่ไอคอนสยาม และรับกระแสสเปเชียลตี้ด้วยโมเดล “โซน” ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชูจุดขายคลาสออกกำลัง 8 ชนิดครอบคลุมทุกรูปแบบและออปชั่นค่าบริการรายครั้งรองรับทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว

ส่วนด้านโมเดลหลัก “ฟิตเนส เฟิรส์ท” กลับมารุกต่างจังหวัดอีกครั้งในรอบ 5 ปี ที่เซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่และสาขาใหญ่ที่สุดในไทยที่เซ็นทรัลพระราม 2 รวมถึงกำลังศึกษาความเป็นได้ในการเปิดบริการ 24 ชั่วโมงในบางสาขา นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่ “เซเลบริตี้ ฟิตเนส” มุ่งจับตลาดแมสและวัยรุ่น ด้วยระดับราคาที่เข้าถึงง่ายและคลาสเต้นซึ่งจะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง พร้อมเร่งปั้นบุคลากรเพื่อรองรับการขยายสาขาต่อเนื่องนี้

ทั้งนี้เชื่อว่าการขยายสาขาใหม่ 4 แห่งและแบรนด์ใหม่ รวมถึงกลยุทธ์เซ็กเมนเตชั่นจะทำให้ได้สมาชิกเพิ่มกว่า 10,000 คน และรายได้ปี 2561 เติบโตอย่างน้อย 6.3% และครองตำแหน่งผู้นำตลาดต่อไป

ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแผนการของ “เจตส์ 24 ฮาวเออร์ฟิตเนส” (Jett 24 hour fitness) ผู้เล่นรายใหญ่จากแดนจิงโจ้ ที่มีสาขากว่า 250 แห่งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอังกฤษ ซึ่งปีนี้เร่งเครื่องขยายสาขาเต็มที่ โดยนายไมเคิล เดวิด แลมบ์ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า กทม.ยังมีช่องว่างสำหรับฟิตเนสอีกมาก โดยเฉพาะโมเดลเปิดบริการ 24 ชั่วโมงซึ่งตอบโจทย์หลายอาชีพที่ทำงานเป็นกะหรือไม่แน่นอน เช่น หมอ พยาบาล ตำรวจและฟรีแลนซ์ ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังต้องการบริการและอุปกรณ์เช่นเดียวกับฟิตเนสปกติ ในราคาที่เข้าถึงได้

ดีมานด์เหล่านี้สอดคล้องกับจุดขายของแบรนด์จึงใช้เป็นโอกาสเร่งเครื่องรุกตลาดเต็มที่ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไปมุ่งขยายสาขาตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดินซึ่งมีชุมชนหนาแน่น ในอัตรา 20 สาขาต่อปี แบ่งเป็น กทม. 10 สาขา ตจว. 10 สาขา ต่อเนื่อง 5 ปี ด้วยข้อได้เปรียบด้านเงินทุนจากบริษัทแม่ในต่างประเทศและโมเดลขนาดเล็กพื้นที่เฉลี่ย 750 ตร.ม. ลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทต่อสาขา หรือ 360 ล้านบาทต่อปี ชูจุดขายด้านระดับราคาจับต้องได้ ด้วยค่าแรกเข้าและค่ารายเดือน 1,500 บาท รวม 3,000 บาท ต่ำกว่าอินเตอร์แบรนด์รายอื่น ๆ พร้อมสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในเซ็กเมนต์ 24 ชั่วโมง ด้วยคุณภาพของอุปกรณ์และคลาสออกกำลังระดับเดียวกับฟิตเนสรายใหญ่ พร้อมทำตลาดครบวงจรเน้นโซเชียลมีเดียและการบอกต่อของสมาชิก


มั่นใจว่าจะสามารถขยายสาขาต่อเนื่องจาก 15 สาขาในปีนี้ เป็นอย่างน้อย 100 สาขาใน 5 ปี พร้อมรายได้เติบโตปีละ 5% อย่างแน่นอน