ดัชนี “สหพัฒน์” มองกำลังซื้อ ระดมโปรดักต์ใหม่…ฟื้นจับจ่าย

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

อย่างที่ทราบกันดีว่า ตลาด FMCG หรือสินค้าอุปโภคบริโภคในปีที่ผ่านมามีการหดตัวลง สะท้อนถึงกำลังซื้อและมู้ดการจับจ่ายที่ไม่สู้ดีนัก แม้แต่สินค้าที่ต้องกินต้องใช้ยังไม่สามารถเติบโตได้

ขณะที่สัญญาณของเศรษฐกิจภาพรวมตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ก็ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคฟื้นตัวช้าตามไปด้วย กลายเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมรับมืออย่างเข้มข้นอีกรอบ เพื่อนำพาบริษัทให้เติบโตไปตามเป้าที่กำหนดไว้

“สหพัฒนพิบูล” บริษัทคอนซูเมอร์รายใหญ่ของไทย เป็นหนึ่งในบริษัทที่ต้องปรับกลยุทธ์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานหลายด้าน ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงปีนี้ เพื่อรับมือกับภาพรวมของตลาดที่ยังทรงตัว

“บุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2560 จะไม่สดใสนัก ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน อาทิ โลจิสติกส์ การบริหารคลังสินค้า การร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ฯลฯ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ตลอดจนการเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ ๆ ทั้งของบริษัท และคู่ค้ามาจัดจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อสร้างยอดขาย อาทิ น้ำตาลมิตรผล กะทิพร้าวหอม แก้มกุ้งทอดโมโนริ ฯลฯ และการผนึกกับร้านยี่ปั๊วซาปั๊วในรูปแบบของการเป็น “คู่ค้าพันธมิตร” (strategic partner) มีการตั้งเป้ายอดขายด้วยกัน เพื่อให้เกิดการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ และมีผลตอบแทนให้เมื่อสามารถทำได้ถึงเป้าเพื่อจูงใจ

ทำให้บริษัทสามารถวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น ป้องกันการขายตัดราคา และการขายข้ามเขต เพราะจะมีการกำหนดราคาขั้นต่ำที่สามารถขายได้เอาไว้ ปัจจุบันมีคู่ค้าที่ร่วมมือในลักษณะดังกล่าวประมาณ 200 ราย

แม้กลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้สหพัฒน์มีการเติบโตขึ้น 4% มียอดขาย 3.1 หมื่นล้านบาท สวนกับตลาดคอนซูเมอร์ที่หดตัวลง แต่ก็ยังเป็นการเติบโตต่ำกว่าที่ตั้งเป้าเอาไว้ และเป็นการเติบโตที่น้อยที่สุดในรอบ 10 ปี จากปกติที่จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8-10%

ในปีนี้ “บุญชัย” จึงวางแผนที่จะสร้างความแข็งแกร่งร่วมกับคู่ค้าพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง บวกกับการเข้าไปช่วยเครือข่ายที่เป็นร้านค้ารายย่อยเพิ่มอีก 2,000 ร้านค้า ในการให้โนว์ฮาวบริหารจัดการ และซัพพอร์ตด้านโปรโมชั่น โดยการแจกแท็บเลตซึ่งมีระบบสั่งสินค้าออนไลน์ เช็กสต๊อกออนไลน์ และดีลพิเศษ

พร้อมกับการหาพันธมิตรใหม่ อาทิ “วินนามิลค์” ผู้ผลิตนมและโยเกิร์ตอันดับ 1 ในเวียดนาม ที่เริ่มนำสินค้าในกลุ่มโยเกิร์ตเข้ามาจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเตรียมนำสินค้าอื่น เช่น ครีมเทียมข้นหวานเข้ามาเพิ่มในเดือนพฤษภาคม รวมถึง “ดอร์โก้” ผู้ผลิตมีดโกนหนวดอันดับต้น ๆ ในเกาหลี และสินค้าจากคู่ค้าเดิม และของบริษัทที่จะยกทัพเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคักตลอดทั้งปี

ไม่ว่าจะเป็น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และเยลลี่แบรนด์ริชเชส ที่ปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่, บะหมี่ซื่อสัตย์ รสสึนามิ มิลค์ ซีฟู้ด, มาม่าโอเค บะหมี่แห้งสไตล์เกาหลี รสชาติเผ็ดร้อน และจะมีการนำมาม่า รสคาโบนาร่า กลับมาจำหน่ายอีกครั้งในปีนี้ รวมถึงการออกรสชาติแบบซีซันนอล เข้ามาสร้างความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เช่น รสมัสมั่นไก่ ในปีที่ผ่านมา

และตั้งทีมที่ดูด้านออนไลน์กับอีคอมเมิร์ซ ขึ้นมาเพื่อรองรับการสั่งซื้อทั้งลูกค้า B2B และ B2C ให้สามารถเข้าถึงสินค้าของสหพัฒน์ได้โดยง่าย

นอกจากนั้นยังเตรียมลงทุนคลังสินค้ากลาง หรือ central warehouse จำนวน 50 ไร่ บริเวณศรีราชา ภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของธุรกิจ และการเข้าซื้อกิจการอื่น ๆ เพื่อเสริมทัพ

“บรรยากาศการจับจ่ายและเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกค่อนข้างนิ่ง แต่เชื่อว่าไตรมาส 2 จะปรับตัวดีขึ้น เพราะรัฐบาลมีการขึ้นค่าแรง ประชาชนจะมีกำลังซื้อมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องการเลือกตั้งที่ยังต้องเฝ้าระวัง”

ส่วนภาพรวมของตลาด FMCG ปีนี้คาดว่ายังคงเติบโตแบบทรงตัว แต่สหพัฒน์จะต้องเติบโตมากกว่าตลาด โดย “บุญชัย” คาดการณ์ยอดขายในปีนี้เอาไว้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 9%

ยังคงเป็นปีที่ต้องทำงานหนักกันต่อไปสำหรับสินค้าคอนซูเมอร์ แต่คนที่ปรับตัวก่อนย่อมได้เปรียบ