“วีรสุ” ปรับใหญ่ 40 ปี ขยายธุรกิจ-พันธมิตรเจาะคนรุ่นใหม่

การเปลี่ยนผ่านงานบริหารจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นมักจะทำให้ธุรกิจนั้น ๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ตามวิสัยทัศน์ของเจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเข้ามากุมบังเหียนการบริหาร

“วีรสุ” แบรนด์เครื่องใช้ในครัวและอาหารสุขภาพสัญชาติไทยที่มีอายุกว่า 40 ปี เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่กำลังปรับตัวอย่างรวดเร็วหลังทายาทรุ่นที่ 2 เริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหาร

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “วิธรา รุ่งธนาภิรมย์” หรือ “วิ” ทายาทและผู้บริหารเจเนอเรชั่น 2 ของแบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติไทยอายุกว่า 41 ปีแห่งนี้ โดยเข้ามารับหน้าที่ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทวิสต้า คาเฟ่ เชนร้านเครื่องดื่มในเครือวีรสุ ถึงภาพรวมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา และการปรับตัวครั้งใหม่ในรอบกว่า 41 ปีทั้งด้านไลน์อัพธุรกิจและแผนการตลาดเพื่อรับมือกับสภาพตลาดและผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

“วิธรา” เท้าความว่า ในช่วงแรก “วีรสุ” เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนจากยุโรป ชูจุดเด่นด้านคุณภาพและนวัตกรรม โดยขายผ่านร้านโชว์รูมของตนเอง ซึ่งปัจจุบันมี 12 สาขาทั้ง กทม.และต่างจังหวัด รวมถึงคอร์เนอร์ในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ อีก 12 จุด

ต่อยอด “แบรนด์แกร่ง”

ขณะเดียวกันได้เพิ่มธุรกิจใหม่ด้านอาหารและสุขภาพซึ่งมาจากความสนใจของครอบครัวอีก 3 แบรนด์ คือ ร้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ “วิสต้า คาเฟ่” (Vista cafe) จำนวน 16 สาขา, ร้านอาหารสุขภาพ “วิสต้าคิทเช่น บลัด ไทป์ คิวซีน” (Vistakitchen Blood Type Cuisine) 2 สาขา และรองเท้าสุขภาพ “ฟิตฟอร์ฟีท” (Fit for Feet) เน้นทำการตลาดผ่านแค็ตตาล็อกที่ส่งให้สมาชิกจำนวนกว่า 3 แสนรายทุกเดือน และการบอกต่อแบบปากต่อปาก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดมีความท้าทายสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ การแข่งขันในเซ็กเมนต์เครื่องครัว-เครื่องใช้ไฟฟ้า และคาเฟ่-เบเกอรี่สุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกระแสรักสุขภาพ อีกทั้งยังมีการรุกคืบของอีคอมเมิร์ซ ในขณะที่ฐานลูกค้าสมาชิกเดิมเริ่มอายุมากขึ้นและเข้าสู่วัยเกษียน

ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ทั้งด้านสินค้า-บริการและกลยุทธ์การตลาดที่ทันสมัยมากขึ้น อย่างการใช้สื่อออนไลน์-อีคอมเมิร์ซ การจับมือพันธมิตรเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ ๆเพื่อขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนในอนาคตขยายลูกค้า-สาขา

ด้านทิศทางอนาคตนั้น ผู้บริหารสาวฉายภาพว่า จะมุ่งต่อยอด 3 ธุรกิจหลัก คือ วีรสุ, วิสต้า คาเฟ่ และวิสต้าคิทเช่นฯ ซึ่งเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับบริษัท เน้นสินค้าหรือบริการที่นอกจากสร้างรายได้มั่นคงแล้ว ยังสามารถสร้างการรับรู้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ไปพร้อมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแคเทอริ่งซึ่งปีนี้ได้ตั้งแผนกใหม่มาดูแลโดยเฉพาะ หลังดีมานด์ของกลุ่มออฟฟิศที่เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 3-4 งานต่อเดือน จากการบอกต่อของลูกค้าในองค์กรธุรกิจต่าง ๆ เช่นเดียวกับบริการดีลิเวอรี่สำหรับวิสต้าคาเฟ่และคิทเช่นฯ ที่จะเพิ่มเมนูใหม่ ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้าวแช่ในช่วงฤดูร้อน และเค้กปอนด์ใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเริ่มทดลองตั้งแต่ช่วงปีใหม่

เช่นเดียวกับเมนูในร้านทั้งอาหารคาว-หวาน ซึ่งจะเปิดตัวใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงรักษาจุดเด่นด้านคุณภาพวัตถุดิบและสุขภาพเช่นเดิม

พร้อมกับอัพเกรดสาขาถนนวิทยุ และลาดพร้าว ให้เป็นฮับแห่งที่ 2-3 ต่อจากโรงงานลาดหลุมแก้ว รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการวางระบบโลจิสติกส์ระหว่างครัวกับสาขาเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นกว่าการใช้บริการบริษัทขนส่ง

สำหรับการขยายสาขาวิสต้า คาเฟ่ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการเปิดในโรงพยาบาล เนื่องจากสอดคล้องกับจุดแข็งและภาพลักษณ์ด้านสุขภาพของแบรนด์ ส่วนวิสต้าคิทเช่นฯยังไม่มีแผน เนื่องจากเมนูซับซ้อนเจาะกลุ่มเฉพาะ จึงหาทำเลที่มีศักยภาพยาก

จับมือพันธมิตรปั้นโมเดลใหม่

นอกจากอัพเกรดภายในตัวบริษัทแล้ว ยังมีการจับมือพันธมิตรเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ โดย “วิธรา” เปิดเผยว่า ได้จับมือกับเครือแอลทีกรุ๊ป ยักษ์อสังหาฯประจำภาคตะวันออก ผู้บริหารสวนสนุกในร่ม “ฮาเบอร์แลนด์” ตั้งร้าน “วิสต้า คิทเช่น คิทแอนด์แฟมิลี่” เป็นฟู้ดคอร์ตให้กับสวนสนุกที่สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ซึ่งเป็นโอกาสเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งเด็กและครอบครัว รวมถึงได้แนวคิดในการพัฒนาเมนูอาหารสุขภาพและการตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์นที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น

ซึ่งจะนำมาใช้กับการขยายสาขาวิสต้า คาเฟ่ และวิสต้าคิทเช่นฯต่อไป

ในส่วนของการนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าของ “วีรสุ” จากนี้ จะเน้นลงทุนด้านวิจัยพัฒนาเพื่อพัฒนาสินค้าโอว์นแบรนด์ให้มีศักยภาพสูงขึ้น เน้นจุดขายด้านนวัตกรรม อาทิ ลดเสียงและขนาดลงในขณะที่ฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้น โดยมีสินค้าไฮไลต์เป็นกลุ่มอุปกรณ์ทำอาหารและสุขภาพอย่าง เตาอบอเนกประสงค์ เครื่องลดความชื้น เครื่องทำขนมปัง ซึ่งได้รับความนิยมสูงตลอดช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังเริ่มวางขายในอีคอมเมิร์ซทั้งเว็บไซต์ของบริษัทและลาซาด้า เพื่อขยายฐานลูกค้า

เช่นเดียวกับการทำตลาดที่จะใช้สื่อออนไลน์และเปิดกว้างมากขึ้นตามเทรนด์ของผู้บริโภค เช่น การใช้บล็อกเกอร์ การร่วมโปรโมชั่นกับสถาบันการเงิน เพื่อสร้างการรับรู้และโอกาสการขายให้มากขึ้น

เชื่อว่าการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมรักษาจุดขายดั้งเดิมเช่นนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับ “วีรสุ” รับมือการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างแน่นอน