
กรมควบคุมโรคแนะทานเจอย่างไรให้ได้ทั้งบุญทั้งสุขภาพ
วันที่ 11 ตุลาคม 2566 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในเทศกาลถือศีลกินเจระหว่างวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 หากต้องการรับประทานอาหารเจให้ได้ประโยชน์กับร่างกายอย่างแท้จริง ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เช่น ธัญพืช เต้าหู้ ถั่ว และเพิ่มวิตามินบี 12 เนื่องจากการบริโภคอาหารเจในระยะยาวมีโอกาสขาดวิตามินนี้ได้
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
พร้อมหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น หวานจัด มันจัด เค็มจัด การทานอาหารรสเค็ม จะมีปริมาณของโซเดียมสูงหากทานมากเกินไป ทานผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสมและมีรสชาติไม่หวานจัด เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
รวมถึงล้างผักสดด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้งก่อนบริโภคเพื่อลดสารพิษตกค้าง เลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปที่สะอาดและได้มาตรฐาน เช่น ร้านที่ผู้ขายสวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม ใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหาร ภาชนะบรรจุอาหารสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเจสำเร็จรูปในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่าย ต้องมีฉลากถูกต้อง มีคุณค่าทางโภชนาการผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เพื่อลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ด้านนายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ต้องจำกัดผักใบเขียว และผลไม้บางชนิดที่มีค่าโพแทสเซียมสูง หรือถั่วเหลือง ธัญพืชบางกลุ่มและจำกัดเครื่องปรุงโซเดียมสูง
ผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูงควรลดการบริโภคอาหารผัดหรือทอด เพราะหากบริโภคบ่อยครั้งจะทำให้น้ำหนักตัวเกินหรือมีภาวะไขมันในเลือดสูงได้
ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรบริโภคกลุ่มคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งให้พอเหมาะ หากบริโภคมากเกินพอดีอาจทำให้ไขมันและน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงได้
สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคอ้วนควรควบคุมการรับประทานอาหารเจ และออกกำลังกายเพื่อช่วยการเผาผลาญแป้งและน้ำตาลที่รับประทานมากขึ้นในช่วงเทศกาลกินเจ